แนวโน้มตลาดแกว่งขึ้นตามความคาดหวังเชิงบวกของผลเจรจาการค้า

แนวโน้มตลาดแกว่งขึ้นตามความคาดหวังเชิงบวกของผลเจรจาการค้า

ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดก่อนทราบผลเจรจาการค้า

เรายังเชื่อว่าสหรัฐฯ และ จีน จะเลือกทางออกด้วยการสงบศึกทางการค้ากัน "ชั่วคราว" เพื่อที่จะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษีที่จะบังคับใช้บนสินค้าจีนก้อน $2.5 แสนล้าน วันที่ 15 ต.ค.นี้ ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์หลังเจรจากับจีนไปแล้วกว่า 8 ชม. เป็นในเชิงบวก (Trumps said China talks went very well, very good negotiation.) ​ประกอบกับ การที่ทรัมป์เตรียมเข้าพบรองนายกฯจีน ช่วยเพิ่มความคาดหวังต่อผลการเจรจาที่เป็นบวก ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเรา

แบงก์ชาติเตรียมออกมาตรการสกัดบาทแข็ง เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นมากสุดในรอบ 6 ปี และเป็นการแข็งค่ามากสุดในเอเชียซึ่งกระทบกับภาคธุรกิจส่งออกของไทยที่ถูกกดดันจากการค้าโลกที่หดตัวลงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่งผลให้ล่าสุดแบงก์ชาติเตรียมออกมาตรการสกัดบาทแข็งภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า ผ่าน 3 นโยบายหลัก ได้แก่ 1) เปิดเสรีนักลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น, 2) ลดแรงกระแทกจากการซือขายทองคำ, 3) กระตุ้นการนำเข้าสินค้าทุนขอภาครัฐและเอกชนมากขึ้น เบื้องต้น เราประเมินว่าด้วยมาตรการที่ไม่แข็งกร้าวมากคาดส่งผลกระทบต่อตลาดทุนจำกัด      

การประคองตัวเหนือ 1604 จุด ทำให้ภาพรวมยังสามารถลุ้นทางฟื้นตัว แม้ปัจจัยเชิงพื้นฐานกดดันจากตัวเลขคาดการณ์ EPS และ GDP ยังถูกปรับลดลงต่อเนื่อง แต่ด้วยผลเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่คาดเป็นบวก, การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน-การคลัง, รวมถึง แรงสนับสนุนจากเม็ดเงินกองทุน LTF ที่จะเข้ามาในเดือน พ.ย.-ธ.ค. เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้ SET Index สามารถประคองตัวเหนือ 1590-1600 จุด และ/หรือ มีโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบแนวต้าน 1650-1680 จุดได้อีกครั้ง ในช่วงไตรมาส 4/62

เราเน้น selective buy ในหุ้นที่โมเมนตัมกำไรช่วงครึ่งปีหลังเป็นบวก พื้นฐานแกร่ง ราคาไม่แพง เพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดตลาดเป็นบวกในช่วงไตรมาส 4/62 เราเน้น selective buy หุ้นกลุ่มโรงกลั่น SPRC, TOP, BCP, ESSO จากโมเมนตัมกำไรที่เป็นบวกตามค่าการกลั่นในช่วงครึ่งปีหลัง // กลุ่มโรงแรม MINT, ERW จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดฟื้นตัว // รวมถึงหุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ADVANC, BJC, STEC, VRANDA*, TEAMG

ภาพรวมกลยุทธ์ การย่อลงไม่หลุด 1604 จุด ทำให้ภาพรวมยังมีโอกาสฟื้นทดสอบ 1623-1635 จุด เน้นหุ้นพื้นฐานดี ราคาไม่แพง และมีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังเป็นบวก // หุ้นแนะนำวันนี้ STEC, BJC / TEAMG* (เป้า 2.50, ตัดขาดทุน 2.06)

แนวรับ 1604 จุด / แนวต้าน : 1622-1635 สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

ประเด็นการลงทุน

โอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นเดือนที่ 3 กลุ่มประเทศโอเปก ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยมีปัจจัยกดดันหลักมาจากข้อมูลเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิกที่อ่อนแอเกินคาด

ธนาคารโลกปรับลด GDP ไทย ปี 62, 63 ลง ธนาคารโลก หรือ World Bank ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ GDP ไทย ปี 62 เหลือโต 2.7% (จากเดิมที่ 3.5%) ขณะที่ปี 63 ลดเหลือ 2.9% (จากเดิมที่ 3.6%) จากความแน่นอนทางการเมือง, ความ่าช้าของโครงสร้างพื้นฐาน, และสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาท

ดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ก.ย. ต่ำสุดในรอบ 39 เดือน เศรษฐกิจโลก, สงครามการค้า, การเมือง, ราคาพืชเกษตรตกต่ำฉุดดัชนีเชื่อมั่นเดือน ก.ย.ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง  7 เดือนต่าสุดรอบ 39 เดือนชี้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจลงช้าไม่เห็นผล

ประเด็นติดตาม: 10-11 ต.ค.เจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ, 25 ต.ค.กลุ่ม CP นัดเซ็นสัญญา High-speed Train

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)