เปิดเงื่อนไข'ชิมช้อปใช้'เฟส2

เปิดเงื่อนไข'ชิมช้อปใช้'เฟส2

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชงรัฐมนตรีคลังอนุมัติ “ชิมช้อปใช้ เฟส 2” เสนอเพิ่มวงเงิน Cash Back หรือนำรายจ่าย​ไปลดหย่อนภาษี หวังจูงใจประชาชนควักเงินาใช้จ่ายพร้อมจำกัดสถานที่ใช้จ่ายกระจายไปสู่จังหวัดขนาดเล็กหลังเฟสแรกยอดใช้จ่ายกระจุกอยู่ในจังหวัดใหญ่

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)​ เปิดเผยว่า วานนี้ (8 ต.ค.) นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานการประชุมหารือมาตรการชิมช้อปใช้ในเฟสสอง โดยสศค.ได้เสนอแนวทางปฏิบัติหลายแนวทางหลังจากนี้ที่ประชุมจะกลับไปพิจารณาข้อดีข้อเสียก่อนนำมาหารือเพื่อสรุปอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันอังคารที่ 22 ต.ค.นี้

โจทย์ของชิมช้อปใช้เฟสสองคือทำอย่างไรให้ประชาชนยอมดึงเงินในกระเป๋าออกมาใช้จ่าย และ การใช้จ่ายต้องกระจายในพื้นที่ที่เห็นว่า ควรมีการช่วยเหลือหรือกระตุ้น เช่น พื้นที่ในจังหวัดที่เล็กกว่าเมืองรอง เช่น ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือ สตูล เป็นต้น

ทั้งนี้สศค.ได้เสนอแรงจูงใจที่จะสนับสนุนโจทย์ดังกล่าว อาทิ การเพิ่มวงเงินใน Cash Back จากเฟสแรกที่ให้ 15% ของการใช้จ่ายในวงเงินไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือ นำการใช้จ่ายจำนวนหนึ่งไปใช้ในการลดหย่อนภาษีเงินได้ เป็นต้น

“เราเสนอแนวทางที่จะเป็นแรงจูงใจให้คนมาใช้จ่ายตามเป้าหมาย ทั้งเรื่องการเพิ่มวงเงิน Cash Back หรือ การนำรายจ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ ส่วนเป้าหมายจะเน้นไปที่กลุ่มที่มีกำลังซื้อ และจะจำกัดจังหวัดที่จะใช้จ่าย เพราะผลใช้จ่ายในเฟสแรก เราพบว่ายังกระจุกตัวในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งที่ประชุมขอพิจารณาข้อดีข้อเสียก่อนสรุปอีกครั้ง”

เขากล่าวว่า เดิมคาดว่าจะเสนอมาตรการดังกล่าวเข้าครม.ได้ในวันอังคารที่ 15 ต.ค.นี้ แต่เนื่องจากมีวาระเข้าสู่การพิจารณาจำนวนมาก ดังนั้นวาระพิจารณามาตรการชิมช้อปใช้เฟสสอง จึงน่าจะเลื่อนไปเป็นวันอังคารที่ 22 ต.ค.นี้แทน

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าสำหรับการแจกเงิน 1 พันบาทนั้น ในเฟสสองของมาตรการชิมช้อปใช้ทางสศค.ไม่ได้เสนอเหมือนกับเฟสแรกแล้ว เพราะต้องการสนับสนุนให้ประชาชนยอมควักเงินในกระเป๋าตนเองออกมาใช้จ่าย ฉะนั้นงบอุดหนุนเฟสสองจากรัฐบาลก็จะน้อยลงจากเฟสแรก ส่วนร้านค้าร่วมมาตรการยังเน้นกลุ่มเดิม เพราะต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายในร้านค้าชุมชนขนาดเล็ก        ส่วนเงื่อนไขและจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการนั้น จะจัดให้มีการลงทะเบียนใหม่ เน้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อจริงๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้เข้าร่วมมาตรการไม่ถึง 10 ล้านคน และ คงไม่คึกคักเท่ากับเฟสแรก

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า อยากฝากแจ้งประชาชนผู้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ในวันแรก (23 ก.ย. 2562) ซึ่งได้ทำการยืนยันและเปิดระบบแล้ว ให้รีบใช้จ่ายเงินบางส่วนครั้งแรกภายใน 14 วัน เพื่อป้องกันระบบตัดคืนเงิน

ทั้งนี้ การใช้จ่ายเงินตามโครงการชิมช้อปใช้ ไม่ได้จำกัดอยู่ในห้างค้าปลีกใหญ่ๆ จากข้อมูลพบว่ามีเพียง 19.78%  ที่เหลือเป็นร้านค้าชุมชน ร้านโชห่วย ร้านธงฟ้า โดยมีร้านของชุมชนจำนวนมากที่เข้าร่วมโครงการนี้ และกระจายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบหาร้านที่เข้าร่วมโครงการได้จากเว็บไซด์ www.ชิมช้อปใช้.com หรือเปิดแอพพลิเคชั่น Google Map โดยจะมีการแสดงข้อความ “ร้านค้าชิมช้อปใช้” ขึ้นกำกับหลังชื่อร้านค้านั้นๆ