กรีนพีซ คาด ปี 93 ทั่วโลกจะเจอวิกฤตพลาสติก 1.2 หมื่นล้านตัน

กรีนพีซ คาด ปี 93 ทั่วโลกจะเจอวิกฤตพลาสติก 1.2 หมื่นล้านตัน

กรีนพีซ สหรัฐฯ คาดภายในปี 2593 ทั่วโลกจะเจอวิกฤตขยะพลาสติก มากถึง 1.2 หมื่นล้านตัน ปนเปื้อนในธรรมชาติ ชวนตั้งคำถาม ผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้ และ ทำจากพืช สร้าง “ความยั่งยืน” ได้จริงหรือ ?

จากรายงาน “Throwing Away the Future: How Companies Still Have It Wrong on Plastic Pollution "Solutions,” ของกรีนพีซ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเผยว่า สิ้นปี 2562 การผลิตและการเผาพลาสติกทั่วโลกจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากับโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน 189 โรง ขณะที่ภายในปี 2593 มีการประเมินว่า วิกฤตขยะพลาสติกมากถึง 1.2 หมื่นล้านตัน ปนเปื้อนในธรรมชาติ

รายงานดังกล่าว จัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นเตือนให้ผู้บริโภค หันมาตั้งคำถามต่อวิธีการแก้ปัญหาของบรรดาบริษัทข้ามชาติที่นำมาใช้รับมือวิกฤตมลพิษพลาสติก เช่น การหันมาใช้กระดาษ พลาสติกชีวภาพ หรือ การรีไซเคิลวัสดุ แต่กลับไม่ได้ช่วยทำให้เราห่างไกลจากการใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้งแม้แต่น้อย อีกทั้งยังหันเหความสนใจของผู้คนไปจากระบบที่เป็นประโยชน์มากกว่า อย่างการเติมและการใช้ซ้ำ (Refill and Reuse)

Ivy Schlegel ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านการวิจัยของกรีนพีซ สหรัฐฯ ผู้จัดทำรายงานฉบับนี้กล่าวว่า แม้จะมีความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความเสียหายที่จากพลาสติก ที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน แต่กลับมีการคาดการณ์ว่า การผลิตพลาสติกจะยังคงขยายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า

“แม้บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคหลายราย ต่างออกมาส่งสัญญาณแสดงเจตนารมณ์ ที่จะหันมาใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่สามารถรีไซเคิล, นำกลับมาใช้ซ้ำ, ย่อยสลายได้ หรือทำจากวัสดุรีไซเคิลมากขึ้น พร้อมกับมีเป้าหมายที่จะเดินหน้า เพิ่มการผลิตสินค้าที่บรรจุห่อหุ้มอยู่ในพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งหรือสิ่งที่ย่อยสลายได้จากวัสดุอื่นมากขึ้น รวมถึงลงทุนในเทคโนโลยีการรีไซเคิลเชิงเคมี”

แต่สิ่งเหล่านี้ กลับเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำให้ผู้บริโภคยังคงยึดติดกับการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกต่อไป บรรดาบริษัทต่างปกปิดผลกระทบที่แท้จริงของบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ ภายใต้ศัพท์เทคนิคทางการตลาดที่น่าสับสน ภาษาสื่อสารที่ข้องแวะกับคำว่า ความยั่งยืน และพันธมิตรในภาคอุตสาหกรรม โดยหวังให้ผู้บริโภคทั้งหลายหลับหูหลับตาเชื่อในคำมั่นสัญญาลวงที่พลาสติกจะได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพดีขึ้น

“คำกล่าวที่อาจชวนให้เข้าใจผิดที่ว่า “ผลิตภัณฑ์สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ(biodegradable)” หรือ “ทำจากพืช (made from plants)” นี้ ไม่ได้หมายความว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะดีต่อสิ่งแวดล้อม หรือลดมลพิษขยะพลาสติกแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาวิกฤตมลพิษพลาสติก บริษัทข้ามชาติทั้งหลายต้องหันกลับมาทบทวนใหม่ว่า จะจัดการกระจายผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปยังมือผู้บริโภคอย่างไร และมุ่งลงทุนระบบการใช้ซ้ำและการเติมให้มากขึ้น“ Ivy Schlegel กล่าว

ขณะที่ Graham Forbes หัวหน้าโครงการรณรงค์ยุติมลพิษพลาสติกระดับโลก (Global Project Leader) ของกรีนพีซ สหรัฐฯ กล่าวเสริมว่า สืบเนื่องจากความวิตกกังวลของสาธารณชนที่มีต่อวิกฤตมลพิษพลาสติกทั่วโลก เรากำลังเป็นประจักษ์พยานของบรรดาบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ ที่พยายามดิ้นรนว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยใช้วิธีแก้ปัญหาหลอกๆ เพื่อเป็นข้ออ้างให้กับพฤติกรรมเสพติดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งของตนต่อไป

“การหันไปใช้ พลาสติกชีวภาพ, กระดาษ, บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล 100%, การเผา และการรีไซเคิลเชิงเคมี ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการรับประกันว่า วิกฤตสิ่งแวดล้อมจะเลวร้ายและรุนแรงมากขึ้น และผู้บริโภคจำเป็นต้องระมัดระวังบรรดากลุ่มนักเคลื่อนไหวที่มีชื่อสวยหรูเพื่อให้โลกยังคงพึ่งพาการใช้พลาสติกต่อไป เช่น พันธมิตรเพื่อยุติขยะพลาสติก (Alliance to End Plastic Waste) ที่สนับสนุนโดยบริษัทน้ำมัน ผู้ผลิตพลาสติก และบริษัทข้ามชาติทั้งหลาย”

“เราจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงได้ก็ต่อเมื่อบรรดาบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่หลายราย ซึ่งโกยกำไรจากพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง เลิกขยายการใช้งานพลาสติก และหันไปให้ความสำคัญกับการมุ่งลงทุนในระบบการใช้ซ้ำ”

ปัจจุบัน กรีนพีซ ได้เดินหน้าเรียกร้องให้บริษัทข้ามชาติลงมือปฏิบัติการยุติวิกฤตมลพิษพลาสติก โดยมีผู้คนมากกว่า 4 ล้านคนทั่วโลกร่วมลงชื่อสนับสนุน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-กรีนพีซจี้ผู้นำอาเซียนเลิกค้าขยะพลาสติก
-ไทย : หลุมขยะพลาสติกอันดับ3ของอาเซียน
-ผลสำรวจเผยสภาพอากาศ'นิวเดลี'เลวร้ายที่สุดในโลก
-แผนรับมือฝุ่น 4ปีรัฐบาล“ประยุทธ์” ประชาชน-รัฐต้องร่วมกันขับเคลื่อน