'จักรทิพย์' มอบนโยบายเร่งด่วน ตั้งศูนย์ปราบ 'เฟคนิวส์'

'จักรทิพย์' มอบนโยบายเร่งด่วน ตั้งศูนย์ปราบ 'เฟคนิวส์'

"ผบ.ตร." มอบนโยบาย เร่งด่วน ตั้งศูนย์ปราบปราม "เฟคนิวส์"-ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ต.ค.62 ที่ห้องบุณยะจินดา สโมสรตำรวจ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการสัมนามอบนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดยมีข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก. ทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 420 นาย เข้ารับฟังนโยบายเพื่อให้เกิด ความตระหนัก และนำเอานโยบายไปถ่ายทอดให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับทราบและปฏิบัติ

พล.ต.อ. จักรทิพย์ กล่าวว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ก็ยังใช้นโยบายเดิม 6 ข้อ คือ 1.การพิทักษ์ ปกป้อง และเทิดพระเกียรติเพื่อความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ,2.การรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในสังคม ,3.การป้องกันปราบปรามและลดระดับอาชญากรรม, 4.การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ, 5.การเร่งรัดขับเคลื่อนกระบวนการปฏิรูปองค์กร ,และ6.การเสริมสร้างความสามัคคีและการบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ

ส่วนนโยบายเฉพาะในปีนี้ มอบหมายในเรื่อง “เฟคนิวส์” การบิดเบือนข่าวสารที่รวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคข่าวสารหลงเชื่อ บางครั้งส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นความจริง โดยเตรียมตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อปราบปราม ทุกข่าวที่เป็นข่าวบิดเบือนจะดำเนินการทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็มีการสร้างเฟคนิวส์ ส่วนคนที่ทำจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ก็มีข้อมูลบางส่วนแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนขอบเขตการทำงานก็จะทำทั่วประเทศ ซึ่งตอนนี้บางส่วน ปอท.ก็เป็นผู้รับผิดชอบ

นโยบายเฉพาะอีกเรื่องคือ “ภัยพิบัติ” ได้สั่งการให้ รอง ผบ.ตร. ผบช. รวมถึงทุกหน่วยที่รับผิดชอบแต่ละภาคให้ช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ดินถล่ม น้ำขัง ขอให้ผู้ที่รับผิดชอบแต่ละจังหวัดที่มีภัยพิบัติให้ความร่วมมือ พยายามช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีที่พักพิง โดยให้ใช้โรงพักเป็นสถานที่พักพิงได้ อย่างไรก็ตามตนก็กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดูแลทุกข์สุขของประชาชน อยากให้ดูแลเรื่องภัยพิบัติ หากเกิดขึ้นให้ออกไปช่วยเหลือทันที

เมื่อถามว่ากรณีที่มีข้าราชการตำรวจขอเออรี่เกือบ 1 พันนาย มีนัยยะสะท้อนการทำงานขององค์กรหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตัวเลขเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 100 คน ไม่ได้แตกต่างมาก ก็เป็นเรื่องปกติ การลาออกมีหลายเหตุผล อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว ออกไปประกอบธุรกิจส่วนตัว เราไม่สามารถไปโน้มน้าวยับยั้งไม่ให้เขาไม่ลาออกได้ นอกจากจะเป็นเหตุผลจำเป็นทางราชการการจริงๆ ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าบางคนบอกเพราะความน้อยใจไม่ได้รับความก้าหน้าทางหน้าที่การงานนั้น ก็ต้องไปดูเป็นรายบุคคลไป

เมื่อถามว่าการลาออกดังกล่าวจะกระทบต่อโครงสร้างหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ปกติก็ขาดอยู่แล้ว อัตราอนุญาติจริงๆ 3 แสนกว่านาย ตอนนี้มี 220,000 คน จาดไป 7-8 หมื่นคน การจะหากำลังพาเพิ่มมันเกี่ยวพันไปหลายอย่าง ไม่สามารถทำได้ในวันนี้ พรุ่งนี้ ตนก็ต้องบริหารงานในภาวะขาดแคลนนี้แบบนี้ไป ก็ขอให้เห็นใจด้วย ไม่ใช่เห็นตัวเลขการลาออกแล้วนำมาตีประเด็น ซึ่งตัวเลขนายพลที่ลาออกมีแค่ 5 รายเท่านั้น และก็ใกล้เกษียณแล้ว อย่าพยายามไปพูดในทางลบ จะทำให้องค์กรณ์เสียหาย แบบนี้อาจเป็นต้นตอของเฟคนิวส์ได้

เมื่อถามว่ามีนโนบายแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างไรบ้าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็แก้ไขปัญหามาตั้งแต่ปี 2547 ทุกวันนี้สถานการณ์ ตัวเลขการก่อเหตุ การเสียชีวิต ก็ดีขึ้นตามลำดับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า 4 ปีที่ผ่านมา ผบ.ตร. ประเมินและให้คะแนนการทำงานของตนเองอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า คงประเมินตัวเองไม่ได้ ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ประเมิน หากประเมินไม่ผ่านก็ยอมรับ มีคะแนนบวกก็ถือว่าเสมอตัว แต่ตนคิดว่าที่ผ่านมาก็ทำแต่สิ่งที่ดีให้กับองค์กรมาตลอด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-'ผบ.ตร.' แบ่งงานรองผบ.ตร. 5 สายหลัก

-ผบ.ตร.เหินฟ้ากระชับความสัมพันธ์ตำรวจเมียนมา

-ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีวันสถาปนากองบังคับการ

-จับตา! โผโยกย้าย 'นายพลสีกากี' ล๊อตใหญ่