เทคนิคกินเจชะลอวัยตามแบบอายุรวัฒน์ต้องกินให้ครบทั้งวิตามินกับโปรตีน

      นพ.กฤษดา   ศิรามพุช  ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า เทศกาลกินเจ ขอฝากเทคนิคการกินเจแบบชะลอวัยตามแบบอายุรวัฒน์ที่ทำให้การจัดอาหารตามวาระเป็นโภชนาสำหรับสุขภาพและชะลอวัยได้ด้วย แต่ต้องกินให้ครบเครื่องเรื่องวิตามินกับโปรตีนที่เรียกว่ากรดอะมิโนจำเป็นด้วย เพราะอาหารเจที่ประกอบด้วยผัก ผลไม้และเต้าหู้เป็นหลักนั้น 

     ซึ่งมีมีอานิสงส์ที่ดีต่อสุขภาพคือ1.ปกป้องลำไส้จากเส้นใยสารพัดผัก เช่นจับฉ่าย,ลาบเต้าหู้,ขาเห็ดผัดแห้ง,ผัดวุ้นเส้นเห็ดสามอย่าง,ราดหน้าเจอุดมผัก ฯลฯ2.ช่วยรักษากระดูกไว้ให้แข็งแรง จากแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียมและแคลเซียมจากเต้าหู้และถั่วสารพัด3.แปลงความเสื่อมให้เป็นความสดใส กล่าวคือผัก-ผลไม้สดไทยๆในช่วงกินเจอย่างแก้วมังกรและกล้วยน้ำว้ามีเบต้าแคโรทีนช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและ

     4.ให้ความเสี่ยงมะเร็งลดดีต่อทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วยสาร “ไลโคปีน” จากมะเขือเทศ,มะละกอ,แตงโม,ส้มโอและฝรั่งสดที่ช่วยลดเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากและความเสี่ยงโรคเส้นเลือดสมอง(Stroke)ลงได้ถึง55%จากรายงานของHarvard Health Publishing 

     นพ.กฤษดา กล่าวว่า ผู้รับประทานเจ ต้องให้ได้วิตามินครบในอาหารที่กินเข้าไปด้วย 1.วิตามินดีดีต่อทั้งกระดูก กล้ามเนื้อ ภูมิคุ้มกันและสมอง แหล่งของอาหารวิตามินดีที่ดีคือน้ำมันตับปลา,นม,เนย,ชีส,โยเกิร์ต ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ถ้าจะจัดวิตามินดีสายเขียวที่มาจากพืชแทนก็ขอฝากให้รับประทานเห็ดหอมที่จะเป็นสดหรือแห้งก็มีวิตามินดีแล้วก็ยังมีจากอาหารที่เติมวิตามินดีเข้าไป(D fortified diet)เช่นน้ำส้ม,นมอัลมอนด์และซีเรียลทั้งหลาย แล้วก็ออกไปรับแสงแดดอ่อนๆบ้าง

     2.วิตามินบี12เป็นของที่มักขาดในสายนักกินมังสวิรัติ และเจระยะยาวเพราะส่วนใหญ่วิตามินบี12อยู่ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์เช่นไข่ไก่,ปลา,เครื่องในสัตว์,หอย,ปลาซาร์ดีน พูดง่ายๆคือสายเนื้อทั้งหลายอย่างไรก็ดีในท่านที่เสี่ยงขาดวิตามินบี12อย่างคนกินผักเป็นหลักหรือผู้สูงวัยก็ต้องระวังจะเกิดภาวะเลือดจาง ได้

     “วิธีง่ายๆสำหรับคนกินเจคือกินอาหารเจที่มี เห็ดหอม สาหร่ายโนริ ก็ช่วยได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดวิตามินมากจนกินเจหมดสุขเพราะการกินเจตามเทศกาลนั้นเป็นระยะเวลาไม่นานราว9-10วันเท่านั้น” นพ.กฤษดา กล่าว

      อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ แนะนำการเตรียมตัวให้พร้อมในการกินเจคือ การเตรียมระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้คุ้นชินกับอาหารเจ ควรเตรียมตัวอย่างน้อย 2 วันล่วงหน้า เริ่มจากวันแรก ควรกินเนื้อสัตว์ใหญ่ให้น้อยลง หันมากิน ปลา นม และไข่แทน วันต่อมาก็เริ่มกินผัก ผลไม้ให้มากขึ้น และไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่ เมื่อร่างกายปรับตัวได้วันต่อมาก็สามารถกินเจได้อย่างสบาย

      สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เป็นวัยที่ไม่เหมาะสมต่อการกินเจ เพราะโอกาสที่เด็กจะขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมีมาก เนื่องจากเด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต สมองและร่างกายต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ เด็ก ๆ ไม่สามารถปรับตัวได้เหมือนกับผู้ใหญ่ หรืออาจให้กินได้แต่ต้องไม่เคร่งครัด ต้องให้กินนมและไข่ด้วย

    ส่วนเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไปจนถึงวัยเรียน สามารถกินได้ แต่ต้องไม่เคร่งครัด และต้องมั่นใจว่าได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ กินนมและไข่ได้ ส่วนเด็กอายุ 14 ปีขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่และผู้สูงอายุสามารถกินได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้สูงอายุควรเน้นอาหารเจที่ย่อยง่าย

     อาหารเจส่วนใหญ่จะเน้นพืชผักเป็นหลัก ผสมกับอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนจากถั่วซึ่งย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์และไขมันมาก จึงทำให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักจากการทำงานหนัก ๆ มาตลอดทั้งปี ทั้งกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ถุงน้ำดี ก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย

     

     ขณะที่ อภัยภูเบศรเดย์สปา ได้แนะนำสูตรอาหารเจ ได้คุณค่าสมุนไพร คิือ เต้าหู้นึ่งขิงซอสเห็ดหอม เป็นเมนูเจที่ได้คุณค่าและความอร่อย โดยมีส่วนประกอบหาง่ายได้นี้ เต้าหู้ขาวแผ่น 1 ก้อน 1. ขิงอ่อนซอย 20 กรัม 2. เห็ดหอมสดหั่นชิ้น 20 กรัม 3. เห็ดออรินจิ 15 กรัม 4. เห็ดชิเมจิ 15 กรัม 5. แครอทหั่นแว่น 3-4 ชิ้น 6. น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา 7. ซอสเห็ดหอมปรุงรสเจ 1 ช้อนชา 8. น้ำตาลทรายแดง 1/4 ช้อนชา 9. น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ10. พริกชี้ฟ้าแดงซอยสำหรับตกแต่ง

    พร้อมวิธีทำ ง่ายๆแค่ 3 ขั้นตอน 1.วางเต้าหู้ขาวลงในภาชนะที่จะใช้นึ่ง จัดวางผักต่างๆ ในจานให้สวยงามตามชอบ 2. เตรียมน้ำซอส โดยผสมน้ำมันงากับซอสเห็ดหอมปรุงรสเจ น้ำตาลทรายแดง และน้ำสะอาด จากนั้นนำไปราดบนเต้าหู้และผักที่จัดเตรียมไว้ และ 3.นำไปนึ่งบนน้ำเดือดประมาณ 10 นาที หรือจนสุก ยกลง ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าแดง จัดเสิร์ฟ เมนูง่ายทำเองได้ อร่อยมีคุณค่าทางอาหารสูงและที่สำคัญได้บุญด้วย