เกาหลีใต้ชู‘ลดใช้พลาสติก’ตีตลาดอาเซียน

เกาหลีใต้ชู‘ลดใช้พลาสติก’ตีตลาดอาเซียน

ล็อกแอนด์ล็อก หวังเป็นส่วนหนึ่งส่งเสริมให้ในเอเชีย และอาเซียนบรรลุแนวทางจัดการพลาสติกให้เหลือศูนย์ (Zero Waste) ได้สำเร็จ

เทรนด์ลดการใช้พลาสติกในเกาหลีใต้กำลังติดลมบน ประชาชนต่างตื่นตัวตอบรับนโยบายรัฐบาลที่ได้ประกาศแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในประเทศและเริ่มใช้กฎหมายการอนุรักษ์ทรัพยากร รวมถึงส่งเสริมการรีไซเคิลขยะฉบับปรับปรุงเมื่อต้นปี2562

เกาหลีใต้ต้องการหลุดพ้นจากตำแหน่งประเทศที่ผลิตขยะมากเป็นอันดับ 2 ของโลกและดูเหมือนว่า แผนรณรงค์ลดการใช้ขยะพลาสติกแบบครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นหลอด แก้วน้ำ ถุง และบรรจุภัณฑ์พลาสติกทุกชนิดในเกาหลีใต้ จะถูกนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อต้องการหยุดการเพิ่มขยะทำลายสิ่งแวดล้อม เดิมที่มีอยู่มากกว่า 2,500 ล้านชิ้น หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 62 กิโลกรัมต่อประชากรหนึ่งคนต่อปี

จุง วุง มูน กรรมการผู้จัดการบริษัท ล็อก แอนด์ ล็อก ประเทศไทย หนึ่งในบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ที่ชูคอนเซ็ปต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยืนเต็งหนึ่งต่อต้านกับการใช้ขยะพลาสติกได้ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทต้องการสร้างแบรนด์ตอกย้ำให้ลูกค้าคนไทยรู้จักล็อก แอนด์ ล็อก ในมุมมองที่จะร่วมมือกันอนุรักษ์ธรรมชาติภายใต้ร้านชื่อ เพลสแอลแอล (PlaceLL)มีคอนเซ็ปต์ชัดเจน เน้นขายสินค้าบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง

“ล็อกแอนด์ล็อก หวังเป็นส่วนหนึ่งส่งเสริมให้ในเอเชีย และอาเซียนบรรลุแนวทางจัดการพลาสติกให้เหลือศูนย์ (Zero Waste) ได้สำเร็จ”

ร้านเพลสแอลแอลสาขาแรกในประเทศไทยถือเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้เปิดที่เกาหลีไปแล้ว 3 สาขา

“บริษัท มีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลาสติกซิงเกิลยูส (Single Use)และอยากเป็นทางเลือกให้กับคนไทยได้ใช้บรรจุภัณฑ์คุณภาพดีที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มีดีไซน์ทันสมัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยและเป็นตัวช่วยในชีวิตประจำวัน” จุงย้ำ

ทั้งนี้สินค้าของล็อก แอนด์ ล็อกทั้งหมดเป็นสินค้านำเข้าจากโรงงานที่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้ เวียดนาม และจีน โดยยืนยันในคุณภาพสินค้าที่ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

จุงบอกว่าส่วนตัวมองเห็นศักยภาพในประเทศไทย ทั้งแนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจสินค้าขายปลีกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะไทยถือว่า เป็นประเทศที่มีระบบกระจายสินค้าที่แข็งแรง และยังเห็น แบรนด์ระดับโลกอื่น ๆ ก็เข้ามาปักธงธุรกิจเปิด flagship store ในไทยมากมายทำให้เชื่อว่า ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการลงทุนธุรกิจสินค้าขายปลีก สำหรับก้าวขยายต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บริษัทมีสินค้าประมาณกว่า8,000รายการ สำหรับประเทศไทยจะนำเข้าประมาณกว่า5,000รายการ ในจำนวนนี้มีประเภทสินค้าหลากหลาย เช่น ทัมเบลอร์หรือกระบอกน้ำเก็บความร้อนเย็น แก้วกล่องถนอมอาหาร เครื่องครัว อุปกรณ์ทำอาหาร และอุปกรณ์การเดินทาง

“บริษัทได้ตั้งเป้าที่จะทำตลาดในส่วนกระบอกเก็บความร้อนความเย็นให้มากขึ้นและคาดหวังว่า ได้ส่วนแบ่งทางการตลาด 30% ส่วนในปีหน้า จะทำการตลาดเครื่องครัวที่ทำจากวัสดุไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้มากขึ้นเช่นกันและตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างน้อย 10%”จุงระบุ

ส่วนในปี 2563คาดหวังว่าจะมีรายได้โดยรวม 487 ล้านบาท ในทุกช่องทางการจำหน่ายสินค้าของล็อกแอนด์ล็อก ทั้ง ช็อปในห้างสรรพสินค้า การขายทางออนไลน์ และการค้าระหว่างผู้ค้ากับลูกค้า (B2B)

ขณะที่แผนการตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น จุง วุง มูน กล่าวว่า เมื่อสิบปีก่อน ได้เข้าไปก่อตั้งบริษัททั้งในเวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย ส่วนประเทศเมียนมากัมพูชา มาเลเซีย และ สิงคโปร์นั้น บริษัทเพิ่งได้จัดตั้งมีบริษัทตัวแทนจำหน่าย หากรวมร้านค้าที่มีอยู่แล้วในตอนนี้ทั้งหมด มีอยู่ 133 ประเทศทั่วโลก

นอกจากนี้กำลังทยอยปรับปรุงร้านค้าที่มีอยู่เดิมทั้ง 2 สาขา ที่แฟชั่นไอส์แลนด์ และเมกาบางนา ให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ใหม่ โดยวันที่ 20ก.ย.เปิดสาขาที่ สามย่านมิตรทาวน์ รวมถึงตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 5 สาขา ภายในปี 2563 ส่วนปีหน้า บริษัทวางแผนไว้ว่าจะมีการลงทุนเพิ่มในไทยอีกประมาณ 32 ล้านบาทเพื่อรองรับการขยายตลาด และขยายสาขาใหม่อีกหลายแห่ง

จุงกล่าวในตอนท้ายว่าบริษัทมุ่งมั่นที่จะปลุกปั้นให้ร้านล็อก แอนด์ ล็อกที่ประเทศไทย เป็นจุดแสดงสินค้าเพื่อดึงลูกค้าจากประเทศใกล้เคียง โดยเฉพาะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเพื่อนบ้านของไทยให้เดินทางมาเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ที่นี่