รีบาวด์ระยะสั้น

รีบาวด์ระยะสั้น

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวลงสวนทิศทางตลาดภูมิภาค โดยเผชิญแรงขายทำกำไรบริเวณแนวต้านสำคัญที่ 1,680 จุด

ประกอบกับนักลงทุนยังรอดูผลการประชุม ECB และจับตาการประชุมเฟดในช่วงสัปดาห์หน้า แรงขายหลักวานนี้อยู่ในหุ้นกลุ่มสื่อสาร และหุ้นกลุ่มพลังงาน เป็นหลัก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,660.68 จุด (-13.35 จุด) Volume 7.0 หมื่นลบ. FI -1,065 ลบ. TFEX Net -2,050 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ +1,613 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ECB มีมติปรับลดอัตราดบ.เงินฝากที่ธ.พ.ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.50% จากเดิม -0.40% และจะยังคงตรึงอัตราดบ.ที่ระดับปัจจุบันต่อไปหรือปรับลดลงจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% และจะรื้อฟื้นโครงการ QE ในเดือนพ.ย.ในการซื้อพันธบัตรวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน

+ดัชนีดาวโจนส์ +45.41 จุด +0.17% ขานรับการผ่อนคลายน.การเงินของ ECB และสถานการณ์การค้าสหรัฐและจีนที่คืบหน้า โดยสื่อออกข่าว"ทรัมป์"กำลังทำข้อตกลงการค้าชั่วคราวกับจีน

+บริษัทของจีนได้เริ่มสอบถามราคาสินค้าเกษตรของสหรัฐ ซึ่งรวมทั้งถั่วเหลือง และเนื้อสุกร

+สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลง 15,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 215,000 ราย

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 66 เซนต์ -1.2% ปิด 55.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการที่กลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกไม่ได้หารือเกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวานนึ้

-สหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้นเพียง 0.1%mom ในเดือนส.ค. จากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.

-ก.พาณิชย์คาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในข่วง 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้

*จับตาสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีก ราคานำเข้าและส่งออก ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และสต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound โดยได้แรงหนุนจากการที่ ECB ใช้นะโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ประกอบกับปธน.ทรัมป์ได้ให้ข่าวว่าจะพิจารณาทำข้อตกลงทางการค้าชั่วคราวกับจีน สงผลให้นักลงทุนคลายความกังวลลง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,670 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC) หุ้น Domestic Play (ADVANC AMATA EKH SISB HMPRO) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ชิมช้อปใช้ (SPA ASAP ERW TNP)

หุ้นรายงานพิเศษ

TNP ( “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 2.56 บาท)

2H62 โตแกร่ง เข้าสู่ High Season + มาตรการรัฐช่วยหนุน

TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้ชื่อ ธนพิริยะ” ปัจจุบันมี 25 สาขา แบ่งเป็น สาขาค้าปลีก 24 สาขา และสาขาค้าส่ง 1 สาขา ซึ่งกว่า 90% ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย และกำลังมีแผนขยายสาขาในจังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ บริษัทมีข้อได้เปรียบกว่าคู่แข่งจากทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ อยู่ในย่านชุมชน และติดถนนสายสำคัญ โดยเน้นกลุ่มลูกค้าอาศัยอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียง และลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีก เป็นหลัก

แนวโน้มครึ่งปีหลังโตแกร่งกว่าครึ่งปีแรก : เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในช่วง 2H62 จะเติบโตดีกว่า 1H62 จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับได้แรงหนุนจากการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกทั้งหมดราว 4 สาขา สู่ทั้งหมด 29 สาขา ณ สิ้นปี ซึ่งเป็นแผนของบริษัทที่จะเปิดสาขาเพิ่มทั้งหมดในปีนี้ 5 สาขา โดยเปิดไปแล้ว 1 สาขา เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ บัตรสวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ขยายเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย 62) และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกถิ่นที่อยู่อาศัย

คาดการณ์รายได้และกำไร 3Q62 ราว 520 ลบ. (+18%YoY, +3%QoQ) และ 22.2 ลบ. (+42%YoY, 6%QoQ) ตามลำดับ พร้อมกับคาดการณ์รายได้และกำไรทั้งปี 62 ราว 2,045 ลบ. +15.6% และ 83 ลบ. +27% ตามลำดับ ทั้งนี้ 1H62 บริษัทมีกำไรเท่ากับ 36.8 ลบ. +24%YoY และคิดเป็น 44% ของประมาณการกำไรทั้งปี 62

หุ้นมีข่าว   

(+) TACC (Bloomberg Consensus - บาท) มั่นใจรายได้ปีนี้ตามนัดโต 15% หลังการดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปตามแผน เล็งเปิดสินค้าใหม่ 2 รายการรับเทศกาลกินเจ พร้อมขยายไลน์ผลิตชานมบุก Brown Sugar ในมุม all Cafe’ หลังการตอบรับดี-สินค้าขาดตลาด (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) NOBLE (Bloomberg Consensus 30.75 บาท) แจ้งร่วมทุน กลุ่มฮ่องกงแลนด์” ผุดคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี่ บนถนนวิทยุ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 5.20 บาท/หุ้น ขึ้น XD 25 ก.ย.นี้ และจ่ายเงินปันผล 10 ต.ค. 62 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(-) ZEN (Bloomberg Consensus 19.05 บาท) ปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้เหลือเติบโต 10% จากเดิมคาดเติบโต 15-20% หลังคาดเศรษฐกิจไม่ดี-จำนวนนักท่องเที่ยวลด แต่ยังขยายสาขาตามแผน พร้อมเตรียมเปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารใหม่ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SCN (Bloomberg Consensus 4.12 บาท)  การันตีไตรมาส 4 เด้ง เตรียม COD โครงการโรงไฟฟ้ามินบู เมียนมา เฟส 1 ขนาด 56 MW สัปดาห์หน้า หนุนรายได้ปี 62 พุ่ง 30% ตามแผน พร้อมเร่งสร้างโรงไฟฟ้ามินบู เฟส 2-4 หวัง COD ในปี 64 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TM (Bloomberg Consensus - บาท)   เตรียมชงบอร์ด 22 ก.ย.นี้ อนุมัติลงทุนโรงพยาบาลและสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุ มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างต้นปี 63 ตั้งเป้าโกยรายได้ปีละ 100 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของรายได้รวม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAWAD (Bloomberg Consensus 59.45 บาท) มั่นใจปีนี้ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่โต 60% ขณะพอร์ตสินเชื่อสิ้นปีจะโต 20-30% ควบคุม NPL ระดับที่ดี 4% ปรับแผนเพิ่มสาขาใหม่ปีนี้เป็น 400 สาขา เล็งออกหุ้นกู้ใหม่ วงเงิน 2-3 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/2562 ใช้ขยายธุรกิจ เผยยังศึกษาขยายธุรกิจไป CLMV เชื่อธุรกิจปล่อยสินเชื่อยังเติบโตดี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CHAYO (Bloomberg Consensus 6.13 บาท)  มองเศรษฐกิจปีหน้ายังไม่ฟื้น เป็นโอกาสซื้อหนี้เติมพอร์ต เตรียมตั้งงบลงทุน 1 พันล้านบาท ซื้อหนี้จากสถาบันการเงินเข้ามาบริหาร เน้นเจาะหนี้ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกัน วางเป้าซื้อหนี้กว่า 7-8 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SELIC (Bloomberg Consensus - บาท)  เดินเกมรุกผนึกกำลังพันธมิตรต่างแดน เผยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ราย คาดได้ข้อสรุปปลายปีนี้ ลุยขยายตลาดยุโร-สหรัฐ เล็งคลอดโปรดักต์ใหม่อัพมาร์จิ้น ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อ พร้อมเป้ารายได้ปี 2562 เติบโตไม่ต่ำกว่า 1.4 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NWR (Bloomberg Consensus 0.90 บาท)  แย้มผลงานครึ่งปีหลังเด่น โฟกัสไตรมาส 4/2562 ทยอยรับรู้การส่งมอบงานมากขึ้นจาก Backlog ที่มีอยู่กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท หวังหนุนรายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน พร้อมตั้งเป้าคว้างานใหม่เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PTT (Bloomberg consensus 51.54) เตรียมทำโมเดลธุรกิจแอลเอ็นจี 2 โครงการ เสนอ กกพ.หวังต่อยอดสู่การเป็นฮับภูมิภาค มั่นใจไทยมีศักยภาพสูง โครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อม และมีความต้องการใช้แอลเอ็นจีค่อนข้างมาก(ที่มา ข่าวหุ้น)    

(+) AIE (Bloomberg consensus -) ลุ้นปีนี้พลิกกำไร ชี้ภาครัฐบังคับใช้ B10 หนุนความต้องการไบโอดีเซลเพิ่ม 40% ดีมานด์-ซัพพลายสมดุล มีโอกาสกำไรสต๊อกน้ำมัน ด้านบริษัท AI รับอานิสงส์ลูกพลิกบวก แถม Q3 ส่งมอบงานเพียบ หลังเลื่อนจาก Q2 มาล่าสุดได้งานอีก 1,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ปีนี้ มั่นใจรายได้โต 20% (ที่มา ทันหุ้น)