'ประยุทธ์' ยันแนวทางเศรษฐกิจของรัฐบาลมีเอกภาพ

'ประยุทธ์' ยันแนวทางเศรษฐกิจของรัฐบาลมีเอกภาพ

"ประยุทธ์" ร่ายยาว ยันแนวทางเศรษฐกิจของรัฐบาลมีเอกภาพ วอนอย่าพูดตกร่อง โจมตีรัฐบาล เผยท่องเที่ยวกระเตื้อง

เมื่อวันที่ 10 ก.ย.62 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงกรณีนิด้าโพล ระบุรัฐบาลสอบตกด้านนโยบายเศรษฐกิจว่า ตนไม่ขอตอบตรงนี้ ต้องไปดูโพลทำมาจากใครและใครเป็นคนตอบคำถามเหล่านั้น วันนี้เราเป็นรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง มีรัฐมนตรีหลายกระทรวง หลายพรรค ซึ่งทั้งหมดทำงานภายใต้กรอบการบริหารราชการของรัฐบาลที่มีนายกฯเป็นผู้นำ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวันนี้มีหลายสูตรด้วยกัน จึงจำเป็นต้องมีการประชุมครม.เศรษฐกิจ เป็นการเฉพาะก็เป็นเหตุผลที่ตนไปนั่งตรงนั้น เพื่อรับความคิดจากทุกกระทรวงจากทุกหน่วยงาน เพื่อให้เกิดการแก้ไขรวมกัน เอาประเด็นต่างๆความคิดและปัญหาต่างๆ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมารวมกันเพื่อนำวิเคราะห์ในครม.เศรษฐกิจ ก็คงไม่ใช่แค่นั้น ซึ่งก็ต้องมีการนำเข้าครม.ใหญ่ด้วย ทั้งหมด 36 ท่านร่วมกันพิจารณา ในส่วนที่หารือกันมาในครม.เศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่ที่จะเป็นแนวคิดที่ไม่เป็นเอกภาพ แต่เป็นการตกผลึกในชั้นต้นแล้ว เมื่อมีโอกาสก็ต้องทำให้ทุกคนในครม.ได้รับทราบ และเห็นชอบร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง จะเห็นว่าหลายโครงการ เมื่อเข้าครม.เศรษฐกิจแล้ว บางอย่างจำเป็นต้องปรับลง นี้คือความเป็นเอกภาพของเรา

นายกฯกล่าวว่า ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลสอบตกในการแก้ไขเศรษฐกิจจะสอบได้หรือสอบตกนั้น ตนก็ไม่เห็นว่าที่ผ่านมาจะสอบได้ซักกี่รัฐบาล เพราะปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ซับซ้อนมายาวนาน ต้องไปดูว่าปัญหาต่างๆได้รับการแก้ไขมากน้อยเพียงใดในรัฐบาลที่ผ่านมา และรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆในหลายหน่วยงานที่ไม่ได้มีการแก้ไขกันเลย ฉะนั้นคงไม่ใช่แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ในเมื่อเราเข้ามา 5 ปีและกำลังทำต่อในปีแรก เราก็แก้กันต่อไป แต่ทุกอย่างสถานการณ์เป็นตัวกำหนด ปัจจัยภายใน ภายนอก เป็นตัวกำหนด

"อย่าพูดตกร่องกันอยู่เหมือนเดิมเลย เพื่อเป็นการโจมตีรัฐบาลกันเลย ผมคิดว่าไม่เป็นธรรมสำหรับผมเท่าไหร่ ต้องย้อนกลับไปดูว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วอย่าไปลืมตรงนู้น" นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจก็มีความขัดแย้งภายในประเทศก็มี ประชาธิปไตยของเราก็มี เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนให้ได้โดยคนทั้งประเทศ ซึ่งตนคิดว่าคนไทยทั้งประเทศ คงไม่ยอมให้ใครที่ทำให้ทุกอย่างแย่ไปกว่าเดิม หรือซ้ำเติมไปมากกว่าเดิม ฉะนั้นก็ขอให้ทุกคนมีหลักคิดที่ถูกต้อง

นายกฯยังกล่าวถึงการท่องเที่ยวว่า วันนี้ก็ดีใจการท่องเที่ยว คาดว่าจะได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ ในช่วง 8 เดือนปีนี้อยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าปีที่แล้วที่ผ่านมา 20 กว่าล้านบาท ซึ่งหากรวม 4 เดือนข้างหน้าที่เป็นไฮซีซั่นก็น่าจะมีนักท่องท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 40 ล้านคน ส่วนการดูแลคนในพื้นที่ยืนยันจะดูแลเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งน้ำปะปา ไฟฟ้า ต้องไม่เดือดร้อน เน้นจัดการปัญหาขยะ จัดระเบียบที่จอดรถ เพื่อให้รายได่กลับมาสู่คนข้างล่างในการจับจ่ายซื้อของ ทั้งโอทอปและสินค้าชุมชนที่จะใช้ประโยชน์ในตรงนี้ ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์ การท่องเที่ยวในประเทศก็เพิ่มขึ้น ซึ่งมีรายได้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ภาษีจากผู้ประกอบการตรงนี้

นายกฯกล่าวว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการทำงานรัฐบาลเน้นในเรื่องของการอำนวยความสะดวก ใช้กฎหมายให้เกิดความเป็นธรรมในการประกอบกิจการ รัฐบาลไม่ได้ไปประกอบการอะไรทั้งสิ้น รัฐบาลเป็นเจ้าของโรงงานไม่ได้ เว้นแต่เรื่องรัฐวิสาหกิจที่เราต้องปรับปรุงฟื้นฟูในเรื่องกฎระเบียบต่างๆการแต่งตั้งคณะกรรมการก็ทำทั้งหมดแล้ว เราต้องใช่เวลาในการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควร เพราะปัญหาหมักหมมมาเป็นเวลานานก็พยายามแก้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จบเอง ถ้าทุกคนไม่ให้กำลังใจกัน จะไปแก้ได้อย่างไร

ส่วนกรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจลาหยุดได้ 2 วันเพื่อการท่องเที่ยวในไทยนั้น เฉพาะเดือนต.ค. นายกฯกล่าวว่า เดี๋ยวไปว่ากันอีกที พอบอกไปเที่ยว รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเดี๋ยวก็มีคนหาเรื่องตนตลอด ที่เขาให้เงินไปเที่ยวก็เป็นแบบอี-วอล เลท"ถ้าเขาไม่เที่ยวเขาก็ไม่ได้ตังค์ ไม่ใช่ให้เงิน 1 พันบาทให้คนไปเที่ยว บางคนก็บอกว่า ให้พันบาทจะเที่ยวพอที่ไหน แต่การให้เงินนี้เป็นการกระตุ้นให้ไปซื้อของ ถ้าไม่ซื้อเขาก็ไม่จ่ายเงิน รัฐบาลก็ไม่ต้องเสีย ไม่ใช่เป็นการเงินเปล่าๆหมดทุกอัน