เผย 7 จังหวัดประสบภัยจากพายุโพดุล เร่งช่วยเหลือปชช.

เผย 7 จังหวัดประสบภัยจากพายุโพดุล เร่งช่วยเหลือปชช.

ปภ.รายงานยังคงมีพื้นที่ประสบภัยจากพายุโพดุล 7 จังหวัด เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกด้าน

 นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุโซนร้อน "โพดุล" ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน (4 ก.ย. 62 เวลา 06.00น.) ทำให้เกิดน้ำสถานการณ์ภัยในพื้นที่ 26 จังหวัด รวม 111 อำเภอ 412 ตำบล 1,789 หมู่บ้าน  1 เขตเทศบาล 6 ชุมชน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 60,914 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 14 ราย (อำนาจเจริญ 4 ราย ขอนแก่น 3 ราย ร้อยเอ็ด 2 ราย พิจิตร 2 ราย อุบลราชธานี 1 ราย พิษณุโลก 1 ราย และมุกดาหาร 1 ราย) สูญหาย 2 ราย (อำนาจเจริญ และน่าน) ผู้บาดเจ็บ 1 ราย (ชัยภูมิ) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร อำนาจเจริญ ยโสธร ขอนแก่น อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด อพยพประชาชนรวม 13 จุด 1,118 คน ในพื้นที่ 4 จังหวัด (ขอนแก่น อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี)

ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่ พร้อมระดมวัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ภัย โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกเครื่องส่งสูบน้ำระยะไกลเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประภัย โดยแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถและเรือท้องแบนเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยให้บริการขนย้ายสิ่งของและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน ตลอดจนสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางแห่ง อีกทั้งบางพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ซึ่ง ปภ. ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมสรรพกำลัง วัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้เผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป