ก.ล.ต.ชี้ 'บิตคอยน์' คืนทรัพย์สินลูกค้าก่อนปิด

ก.ล.ต.ชี้ 'บิตคอยน์' คืนทรัพย์สินลูกค้าก่อนปิด

ก.ล.ต.ชี้ "บิทคอยน์" ต้องคืนทรัพย์สินให้ลูกค้าทั้งหมด ก่อนเข้าสู่กระบวนการเลิกกิจการ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)จัดทำ ถาม-ตอบ กรณีที่บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ได้ตัดสินใจยุติบทบาทการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการให้บริการด้านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Asset Wallet) ซึ่งจะมีผลหลังจาก 30 ก.ย.2562 เป็นต้นไป

Q: สาเหตุของการที่ BX แจ้งจะเลิกประกอบธุรกิจ เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 
A: เป็นไปตามที่บริษัทแจ้งไว้ในเว็บไซต์ (https://bx.in.th/THB/BTC/) เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2562 เวลา 06.06 น.

Q: ขั้นตอนการคืนใบอนุญาต BX นับจากวันประกาศจะเลิกประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 
A: คืนทรัพย์สินลูกค้าหมด หรือกรณีมีทรัพย์สินค้าง BX ต้องวางทรัพย์กับกรมบังคับคดี หรือมีวิธีการจัดการทรัพย์สินของลูกค้าเรียบร้อย จึงสามารถยื่นคำขอเข้าสู่กระบวนการขอเลิกประกอบธุรกิจฯ ได้

Q: กระบวนการ การคืนสินทรัพย์ต่อลูกค้า
A: บริษัทเปิดเผยขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งให้คำแนะนำลูกค้าไว้ ตามขั้นตอนต่าง ๆ (รายละเอียดตาม link https://bx.in.th/support/article/create-personal-wallet-th/)

Q: กรณีที่ลูกค้าประสงค์ขอโอนย้ายทรัพย์สินดิจิทัลไปซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯอื่นในต่างประเทศ เมื่อได้รับเงิน (fiat money) แล้ว จะสามารถนำเงินกลับประเทศได้หรือไม่
A: สามารถทำได้โดยผ่าน PayPal USD หรือสามารถโอนกลับ เข้ามาที่บัญชี Foreign Currency Deposit (FCD) ที่เปิดที่ธนาคารพาณิชย์ไทยได้ โดยต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย

Q: ผลกระทบต่อผู้ลงทุนคืออะไรบ้าง นอกจากเหตุการณ์ที่มีผู้แอบอ้างโอนเงิน/สินทรัพย์ดิจิทัล
A: ผลกระทบคือ ลูกค้าของ BX จะต้องรับโอนทรัพย์สินมาที่กระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (exchange) รายอื่น หรือสั่งขาย หรือหากลูกค้ามีเงินสดก็สามารถโอนออกไปยังบัญชีของตนเองได้ ทั้งนี้ บริษัทแจ้งว่า จะยังทำธุรกิจจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. โดยหลังจากนั้น จะยังเปิดให้ลูกค้าทำคำสั่งถอนทรัพย์สินได้ตามปกติ

ในการนี้ ก.ล.ต. ได้กำชับให้บริษัทดูแลทรัพย์สินของลูกค้า และดำเนินการตามความประสงค์ของลูกค้า ในการขอรับคืนทรัพย์สิน หรือโอนทรัพย์สิน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการให้แก่ ก.ล.ต. ทราบเป็นระยะ และเมื่อบริษัทได้ทำการคืนทรัพย์สินให้ลูกค้าทั้งหมด หรือบริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีวิธีการดูแลหรือจัดการทรัพย์สินของลูกค้าที่เหลืออยู่อย่างเรียบร้อย บริษัทจึงจะสามารถเข้าสู่กระบวนการคืนใบอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังไม่ได้มีการคืนใบอนุญาต ก.ล.ต. ยังมีอำนาจในการกำกับดูแลและสั่งการให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเต็มที่

Q: สถานะล่าสุดของผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต และที่ยื่นขอฯ
A: ผู้ที่ได้ license exchange – ขณะนี้มีผู้ประกอบธุรกิจ exchange แล้ว 3 ราย (รวมบริษัทที่จะเลิก) และอยู่ระหว่างรอ activate 1 ราย (ดูรายชื่อได้จาก https://www.sec.or.th/TH/Pages/Shortcut/DigitalAsset.aspx)

Q: มีผู้ประกอบการรายอื่นมายื่นขอใบอนุญาตหรือไม่ กี่ราย
A: มีผู้ยื่นคำขอเป็น exchange มาแล้ว 2 ราย และอยู่ระหว่างรับคำปรึกษา 6 ราย

Q: ผลกระทบที่คาดว่าจะมีต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล และ มุมมองของ ก.ล.ต. ต่อการที่รายใหญ่ขอเลิกประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
A: ณ เวลานี้ เป็นเรื่องเฉพาะบริษัท ซึ่งบริษัทยังไม่ได้ปิดการให้บริการในทันที ดังนั้น จึงต้องใช้ระยะเวลาในการติดตามผลกระทบ อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. จะวิเคราะห์เรื่องนี้เปรียบเทียบกับพัฒนาการของตลาดในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. มีนโยบายที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาพัฒนาเป็น digital infrastructure ของตลาดทุนไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งยังส่งผลดีต่อผู้ลงทุน และประชาชนที่จะเข้ามาใช้บริการด้วยต้นทุนที่ลดลง

Q: ผู้ลงทุนควรมีข้อระวังอะไรบ้าง
A: ผู้ลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจมีผู้ฉวยโอกาสนี้หลอกลวงให้ผู้ลงทุนหลงเชื่อว่าเป็นช่องทางของ BX ในการรับโอนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล จึงขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลและติดต่อที่เว็บไซต์ข้างต้นของ BX.in.th โดยตรงเท่านั้น หรือ "ศูนย์แนะนำช่วยเหลือผู้ลงทุนเฉพาะกิจ" ที่จัดตั้งโดย ก.ล.ต. เพื่อดูแลผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้า BX โดยลูกค้าสามารถขอคำแนะนำได้ที่ Help Center ของ ก.ล.ต. หมายเลข 1207 กด 7 หรืออีเมล [email protected] 24ชั่วโมง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2562 เวลา 6.45 น. เป็นต้นไป