คาดหวัง FED ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ดีดตัวขึ้นแรง +12.67 จุด (+0.78%) ปิดที่ระดับ 1,638 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาท ตอบรับตัวเลขส่งออกไทยเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นสวนทางกับที่คาดการณ์ว่าจะลดลง นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนความคาดหวังต่อคำแถลง Fed ในวันศุกร์นี้ว่าจะส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อพยุงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่วนนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 753 ล้านบาท แต่ยังคงขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 7,473 ล้านบาท รวมถึง Net Short TFEX จำนวน 10,231 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,645 – 1,650 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว โดยภาวะตลาดได้ Sentiment เชิงบวกจากคาดการณ์ประธาน Fed จะส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีวันที่ 23 ส.ค. ซึ่งสอดคล้องกับ FedWatch ที่ประเมินว่า Fed มีโอกาส 98.1% ที่จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม FOMC 17 – 18 ก.ย. นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกไทยเดือนก.ค. +4.24% YoY รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาลที่ประกาศออกมานั้นน่าจะช่วยให้ GDP 2Q19 ของไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะกลับมาขยายตัวขึ้นใน 3Q19 ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม ควรระวังแรงขายตามสัญญาณเทคนิค Gap 1,645 – 1,650 จุดที่จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

• กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA)  คาดได้อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะประชุม 30 ส.ค.
• กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้อานิสงส์ต้นทุนลดลงจากดอกเบี้ยขาลง
• หุ้น Defensive stock (INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, EA, TTW, CPALL)

หุ้นแนะนำวันนี้ : EA (ปิด 48.75 ซื้อ/เป้า 63) โดดเด่นในทุกธุรกิจ 1) ธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และพลังงานลมคาดกำไรสุทธิทำ New high ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมานกำลังการผลิตรวม 260MW ซึ่งเริ่ม COD ตั้งแต่ 1Q19 แต่จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสใน 2Q19 และ 3Q19, 2) ธุรกิจไบโอดีเซลได้อานิสงส์ภาครัฐส่งเสริมการใช้ B10 และ B20 จากเดิม B7 และ 3) ธุรกิจแบตเตอร์รี่ได้ Sentiment บวกหลังจากรมว.พลังงานคนใหม่ประกาศสส่งเสริมโครงการ Energy Storage อย่างจริงจัง, JMT (ปิด 18.8 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 24) ด้านผลประกอบการกำไรสุทธิในปีนี้จะยังพุ่งทำ All time high ได้ในทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี

KSS report วันนี้: BANPU (ปิด 11.9 ถือ/เป้า 12 เดิม 16)

ประเด็นสำคัญวันนี้:          

• (+) 54.28%2.15%2% : วานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกของเดือน ก.ค.ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดโดยพลิกเป็นขยายตัว 4.28% (YTD -1.9%) เทียบกับ เดือน มิ.ย.ที่หดตัว 2.15% และดีกว่าที่ Consensus คาดว่าจะหดตัว 2% อย่างไรก็ตามการส่งออกที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ยังมาจากการส่งออกทองคำและน้ำมันหากหักรายการดังกล่าวออกจะเหลือการขยายตัวเพียง 1.6% แต่ก็ดีขึ้นมากหากเทียบกับเดือน มิ.ย.ที่หดตัว 8% ตลาดส่งออกหลักเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวโดยเฉพาะ สหรัฐ, จีน และญี่ปุ่นที่กลับมาเติบโต 9.8%, 6.2% และ 8% เทียบกับเดือน มิ.ย.ที่หดตัว -2.1%, -14.9% และ -1.9% ตามลำดับ
• (+) Fed Minute 0.5% คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.(Fed minute) ระบุว่าคณะกรรมการมีการถกเถียงในประเด็นการลดอัตราดอกเบี้ยกันมากขึ้น และเริ่มมีความเห็นต่างโดยเฉพาะหลายท่านอยากให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้ารวมถึงเร่งอัตราเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ตามประเด็นนี้เราเชื่อว่านักลงทุนจะรอดูความชัดเจนต่อแนวการดำเนินนโยบายของเฟดจากการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดที่แจ็กสันโฮลในคืนวันพรุ่งนี้ ( Fedwatch คาดมีความน่าจะเป็น 98.1% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ก.ย.19
• (-) WTI 45 2 ราคาน้ำมันดิบยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบตามที่เราคาดไว้เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกลบใหม่ที่ชัดเจน โดยเมื่อคืนราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 45 เซนต์ (-0.8%) ปิดที่ 55.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์จะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล แต่ถูกหักล้างด้วยตัวเลขสต๊อกน้ำมันกลั่นที่เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2 แสนบาร์เรล เช่นเดียวกับสต๊อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3 แสนบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล