ตลาดหุ้นไทยดิ่งแรง รับแรงกดดันสงครามการค้าระอุ

ตลาดหุ้นไทยดิ่งแรง รับแรงกดดันสงครามการค้าระอุ

เช้าวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดที่ 1,652.72 จุด ลดลง -13.27 จุด หรือ -0.80% มีมูลค่าการซื้อขาย 10,086.25 ล้านบาท

เช้าวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดที่ 1,652.72 จุด ลดลง -13.27 จุด หรือ -0.80% มีมูลค่าการซื้อขาย 10,086.25 ล้านบาท

ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ดัชนีทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลง โดยมีแรงกดดันจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่รีดภาษีเพิ่มอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ มีผล 1 ก.ย.นี้ โดยทางการจีนก็ได้ยืนยันดำเนินมาตรการตอบโต้มาตรการดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังเกิดเหตุวางระเบิดกลางกรุงหลายจุด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640-1,670 จุด

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ในช่วงสั้นนักลงทุนยังคงวิตกกับเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อหลังจีนยืนยันดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐที่เตรียมปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งจะมีต้นเดือนกันยายนนี้ ประกอบกับสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีกครั้ง  

ปัจจัยที่ยังคงต้องจับต่อในสัปดาห์นี้ อาทิ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงสถานการณ์การส่งออกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมิ.ย.ในวันนี้ (6 ส.ค.) และในวันที่ 7 ส.ค.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประชุมครั้งที่ 5/2562 ซึ่งเป็นการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) นอกจากนี้ จีนจะมีการเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเดือนกรกฎาคม

ส่วนในวันที่ 8 ส.ค. ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) จะมีการเข้าหารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาทในปัจจุบัน และจีน จะมีการเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าของเดือนกรกฎาคม รวมทั้งสหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิถุนายน และในวันที่ 9 ส.ค. ญี่ปุ่น เปิดเผย GDP ไตรมาส 2/2562 จีน เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. สหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.  

แนะนำแนะนำกลยุทธ์ การลงทุนในหุ้น ที่น่าลงทุน ดังนี้ 1 . หุ้น Defensive Stock เช่น EASTW, TTW, BCH, CPALL และ BJC 2. หุ้น High Dividend เช่น SIRI, QH, TISCO, KKP และ ANAN 3. หุ้น Theme EEC play เช่น AMATA, WHA, ROJNA, EASTW และ ATP30