‘ทรัมป์’หักที่ปรึกษา เก็บภาษีจีน

‘ทรัมป์’หักที่ปรึกษา เก็บภาษีจีน

ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ชุดใหญ่สำหรับเจรจาลงลึกด้านเทคนิค ทั้งหมดคุยกันไม่ถึง 10 คน รวมทั้งล่าม

การเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีนที่หลายฝ่ายจับตากลับจบลงไปแบบเงียบๆ ไม่ได้ประโยชน์โพดผลใดๆ กลับคืนมา แถมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังประกาศจะเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ เริ่มต้น 1 ก.ย.นี้ จึงเป็นไปได้ว่าข้อตกลงระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจน่าจะเลื่อนไปจนสหรัฐเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า​และการตัดสินใจเก็บภาษีจีนเพิ่ม ทรัมป์เห็นต่างจากที่ปรึกษาอีกหลายคน

แหล่งข่าววงในเผยกับวอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า ทรัมป์ที่คาดว่าจีนอาจรอเจรจากับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งทำให้รัฐบาลวอชิงตันถือไพ่เหนือกว่าหากความขัดแย้งต้องยืดเยื้อออกไป แต่คณะที่ปรึกษาแย้งว่า การเก็บภาษีรอบใหม่อาจทำร้ายเศรษฐกิจสหรัฐเอง และทำให้ความสัมพันธ์กับจีนตึงเครียดยิ่งขึ้น

การเจรจาการค้าที่เซี่ยงไฮ้เมื่อสัปดาห์ก่อนใช้เวลาสั้นมากและไม่บังเกิดผล โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยู่ในจีนแค่ 24 ชั่วโมงนิดๆ ทั้งคู่มาถึงในวันอังคาร (30 ก.ค.) แล้วก็รับประทานอาหารเย็นกับฝ่ายจีน การประชุมมีในวันรุ่งขึ้น (31 ก.ค.) กินเวลาเพียง 3 ชั่วโมง

ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ชุดใหญ่สำหรับเจรจาลงลึกด้านเทคนิค ทั้งหมดคุยกันไม่ถึง 10 คน รวมทั้งล่าม

เมื่อกลับมาถึงกรุงวอชิงตัน คณะเจรจาการค้าและที่ปรึกษาระดับสูงอื่นๆ ประชุมกันที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) เพื่อสรุปการหารือให้ทรัมป์ฟังไลท์ไฮเซอร์และมนูชินแจ้งว่า การเจรจาไม่ได้ผลตามที่ทรัมป์ตั้งใจไว้

ทรัมป์ที่มีกำหนดหาเสียงที่โอไฮโอหลังจากนั้น ต้องการสร้างหลักประกันกับเกษตรกรว่า อย่างน้อยเขาก็ได้คำมั่นแข็งขันจากจีนว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่ม เพราะเกษตรกรสหรัฐได้รับผลกระทบหนักสุดจากสงครามการค้า หลังจีนซื้อข้าวโพดถั่วเหลือง และเนื้อสุกรจากสหรัฐน้อยลง

แต่ทรัมป์ก็ต้องผิดหวัง เมื่อทั้งไลท์ไฮเซอร์และมนูชินไม่สามารถรับรองอะไรได้

“เก็บภาษี”ผู้นำสหรัฐประกาศกับทีมที่ปรึกษา ที่มีจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ลอว์เรนซ์ คัดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านจีน และมิค มัลวานีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวร่วมอยู่ด้วย

แหล่งข่าวเล่าว่าทุกคนในนั้นยกเว้นนาวาร์โร ที่ใช้นโยบายสายเหยี่ยวกับจีน ล้วนคัดค้านเสียงแข็งไม่ให้เก็บภาษี จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้นนานเกือบสองชั่วโมง

รัฐบาลปักกิ่งนั้นยืนกรานว่า สหรัฐต้องเลิกเก็บภาษีก่อน ตนจึงจะยอมทำตามคำขอ ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่า ความอดทนของตนเหลือน้อยเต็มที พร้อมยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า ภาษีคือวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้สหรัฐเหนือกว่า

จากนั้นเหล่าที่ปรึกษาก็ค่อยๆ เห็นดีตาม ประธานาธิบดีจึงทวีตข้อความประกาศเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่ม

แหล่งข่าวกลุ่มเดิมและอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลวอชิงตันรายหนึ่งเผยว่า ก่อนหน้านั้นหลายสัปดาห์ที่ปรึกษาทรัมป์หลายคน รวมทั้งจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขย แนะนำว่าทรัมป์ควรวางเรื่องเจรจากับจีนไปก่อน ไปเน้นที่ข้อตกลงการค้าอื่นๆ แทนรวมทั้งข้อตกลงกับแคนาดาและเม็กซิโกที่ยังค้างคาอยู่ รอให้สภาคองเกรสอนุมัติ และการเจรจากับญี่ปุ่นที่หลายสัปดาห์นี้มีท่าทีดีขึ้นมาก

คนที่เสนอให้แข็งข้อกับจีนให้เหตุผลว่า แม้ดีลกับปักกิ่งได้ก็ถูกเดโมแครตในสภาคองเกรสโจมตีอยู่ดีว่า อ่อนข้อให้จีนเกินไป และถ้าเก็บภาษียืดเยื้อสุดท้ายแล้วก็ฉุดรั้งเศรษฐกิจ

ด้านสภาธุรกิจสหรัฐ-จีน ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทที่ทำธุรกิจในแดนมังกร กังวลเรื่องผลกระทบต่อสมาชิก

เครก อัลเลนประธานสภาธุรกิจเผยว่า ตั้งแต่สหรัฐเก็บภาษี จีนก็ซื้อสินค้าน้อยลง และมีแววตอบโต้ด้วยการตรวจสอบธุรกิจละเอียดยิ่งขึ้น ชะลอการออกใบอนุญาติและอนุมัติธุรกิจ เลือกปฏิบัติต่อบริษัทสหรัฐในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

ส่วนตัวประธานาธิบดีทรัมป์นั้น แม้การเจรจาจะไม่คืบหน้า แต่เขาส่งสัญญาณเชื่อมั่นว่าสหรัฐเหนือกว่า

“อะไรๆ กำลังไปได้สวยกับจีน พวกเขากำลังจ่ายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้เรา ด้วยการอ่อนค่าเงินหยวนและอัดฉีดเงินสดปริมาณมหาศาลเพื่อรักษาระบบเศรษฐกิจให้เดินต่อไปได้ ถึงวันนี้ผู้บริโภคของเราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย และไม่มีเงินเฟ้อ เฟดไม่ช่วยอะไร!”

ส่วนสถานการณ์ค่าเงิน ช่วงเช้าวานนี้ (5 ส.ค.) เงินหยวนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งเดือน ส.ค.2553 หลายฝ่ายเก็งกันว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังใช้ยุทธวิธีอ่อนค่าเงินหยวนตอบโต้สหรัฐขู่เก็บภาษีเพิ่ม

การซื้อขายเงินหยวนในตลาดต่างประเทศเช้าวานนี้อยู่ที่ 7.1085 หยวนต่อดอลลาร์ ขณะที่ในประเทศก็อ่อนค่าลงแตะระดับ 7.0307 หยวนต่อดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551

สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่าจะเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์โดยจีนประกาศเมื่อวันศุกร์จะเก็บภาษีตอบโต้เช่นเดียวกัน

รายงานข่าวจากบลูมเบิร์กนิวส์ระบุว่าจีนขอให้รัฐวิสาหกิจหยุดซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ถือเป็นสัญญาณความตึงเครียดเพิ่มเติมระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก

จริงๆ แล้วเงินหยวนไม่ได้แลกเปลี่ยนกันโดยเสรี รัฐบาลควบคุมไม่ให้ขึ้นลงเกิน 2% จากอัตรากลางที่ธนาคารประชาชนจีน (พีบีโอซี) กำหนดไว้ในแต่ละวัน เพื่อสะท้อนแนวโน้มตลาดและควบคุมไม่ให้ผันผวน วานนี้อัตราแลกเปลี่ยนกลางอยู่ที่ 6.9225 หยวนต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง 0.33% จากเมื่อวันศุกร์

นายเคน เจิ้ง นักกลยุทธ์สกุลเงินอาวุโสจากธนาคารมิซูโฮ เผยกับบลูมเบิร์กนิวส์ว่า การขึ้นภาษีชี้ว่าต่างฝ่ายต่างกลับมาเล่นงานตอบโต้กันอีกครั้ง พักเรื่องการเจรจาการค้าไปก่อน และพีบีโอซีก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องรักษาเสถียรภาพเงินหยวนในระยะสั้น

ด้านพีบีโอซีออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันว่า อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่กระทำเพียงฝ่ายเดียว ผนวกกับการเก็บภาษีจีนเพิ่ม โดยเงินหยวนยังคงมีเสถียรภาพและแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน พีบีโอซีจะเร่งจัดการการเก็งกำไรระยะสั้น รักษาเสถียรภาพของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด ซึ่งพีบีโอซีมีประสบการณ์และเชื่อมั่นว่าสามารถรักษาค่าเงินหยวนให้สมดุลได้

จูเลียน อีวานส์ พริตชาร์ดนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสผู้เชี่ยวชาญด้านจีน จากแคปิตอล อีโคโนมิกส์ กล่าวว่า พีบีโอซีใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นอาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเชื่อมเรื่องสกุลเงินเข้ากับสงครามการค้า

“เนื่องจากพีบีโอซีน่าจะมีเป้าหมายต้องการชดเชยผลกระทบจากการถูกสหรัฐเก็บภาษีเพิ่ม จึงเป็นไปได้ว่าธนาคารน่าจะปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าต่อไปอีก เผลอๆ อาจจะอยู่ที่ราว 5-10% ใน 2-3ไตรมาสข้างหน้า”