“ทรัมป์”ขู่เก็บภาษีจีนเพิ่มฉุดดาวโจนส์ดิ่งกว่า200จุด

“ทรัมป์”ขู่เก็บภาษีจีนเพิ่มฉุดดาวโจนส์ดิ่งกว่า200จุด

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (1ส.ค.)ปรับตัวร่วงลง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 280.85 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 26,583.42 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  ร่วงลง  26.82 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 2,953.56 จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 64.30 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 8,111.12 จุด

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ทวีตข้อความว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออีก 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.

“เจ้าหน้าที่ของเราเพิ่งกลับมาจากจีน หลังจากที่ได้เจรจาอย่างสร้างสรรค์เพื่อทำข้อตกลงการค้าในอนาคต เราคิดว่าเราสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนได้เมื่อ 3 เดือนก่อน แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ว่า จีนได้ตัดสินใจที่จะทำการเจรจาใหม่ ก่อนที่จะมีการลงนาม และเมื่อไม่นานมานี้ จีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมากจากสหรัฐ แต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พูดว่า เขาจะยุติการจำหน่ายยาเฟนทานีลให้แก่สหรัฐ แต่สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงเสียชีวิต”ข้อความในทวีต ระบุ

เมื่อวันพุธ(31ก.ค.)ดาวโจนส์ร่วงกว่า 300 จุด หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ต่อเนื่องจากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันพุธ

เครื่องมือเฟดวอทช์ ของซีเอ็มอี กรุ๊ป บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 61.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดว่ามีแนวโน้มเพียง 51%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 100% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.