'อนุทิน' ลั่นกัญชาเสรีทางการแพทย์ต้องเสร็จในรัฐบาลนี้

'อนุทิน' ลั่นกัญชาเสรีทางการแพทย์ต้องเสร็จในรัฐบาลนี้

“อนุทิน” เข้าทำงานสธ.วันแรก ลั่น “กัญชาเสรีทางการแพทย์” เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เผยอย.เตรียมเสนอคกก.ยาเสพติดปลดล็อกให้ประชาชนปลูก “กัญชง” ได้ก่อน

วันนี้ (18 ก.ค.) เวลา 09.00 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.) เดินทางเข้ารับตำแหน่งและทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เป็นวันแรก โดยได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงก่อนที่จะเดินทางขึ้นไปยังห้องทำงานประจำตำแหน่งรัฐมนตรีบริเวณ ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อลงนามในหนังสือการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี จากนั้นเดินทางมายังห้องประชุมชั้น 2 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริหารระดับสูงสธ.และหน่วยงานในกำกับรัฐมนตรีแสดงความยินดี กล่าวขอบคุณและมีการประชุมเป็นการภายในก่อนที่จะออกมาให้สัมภาษณ์


นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ อีก 1 สัปดาห์ นายกรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงจะถือว่ารัฐมนตรีสามารถทำงานได้สมบูรณ์ ขณะนี้ขอให้ทำงานตามงานประจำปกติก่อน หลังจากแถลงจึงจะมีการหารือในรายละเอียดของนโยบายอีกครั้ง ในส่วนของนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์นั้น ได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ดำเนินการปลดล็อกกัญชาและกัญชงขอให้เสร็จในสมัยนี้ โดยจะต้องทำให้กัญชาและกัญชงเป็นยาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงในส่วนที่เกิดประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ เป็นยาหลักอยู่ในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติที่ผู้ป่วยจะเข้าถึงได้เมื่อมีความจำเป็น จะเป็นการลดค่าใช้จ่าย ภาระงบประมาณของประเทศ และอาจจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับประเทศ ช่วยเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร ซึ่งในส่วนของร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลของนายกฯ บรรจุเรื่องนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์และการพัฒนานวัตกรรมจากกัญชาเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล และได้มอบหมายให้นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.เป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติในการขับเคลื่อน


ผู้สื่อข่าวถามว่าความสำเร็จเรื่องกัญชงและกัญชาในรัฐบาลเป้าหมายคืออย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า จะผลักดันไปให้ได้ไกลที่สุด โดยเริ่มก้าวแรกทำให้เต็มที่ จุดไหนที่เป็นคอขวด หรืออุปสรรคที่อยู่ในขอบเขตของสธ.ก็พร้อมที่จะดำเนินการให้คลี่คลาย หากส่วนที่จะต้องประสานไปยังหน่วยงานภายนอก อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ก็พร้อมที่จะดำเนินการ


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะปลดล็อกให้ประชาชนปลูกกัญชงได้ก่อนกัญชาหรือไม่ เพราะสามารถดำเนินการแก้ไขในกฎกระทรวงได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้เลขาธิการอย.เตรียมเสนอคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ(คกก.ยส.) เพื่อให้พิจารณาปลดล็อกให้สามารถปลูกกัญชงได้ แต่อยากให้เป็นการปลดล็อกที่สามารถทำได้เลย เมื่อปลดแล้วต้องเปลื้อง ไม่ว่าจะเป็นกัญชาหรือกัญชงหากได้สารซีบีดีที่เป็นประโยชน์ทางการแพทย์ก็ทำไปเลย เพราะเป็นการนำส่วนที่เป็นประโยชน์คือซีบีดีมาใช้ ส่วนสารทีเอชซีก็มีประโยชน์แต่เฉพาะในกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้ และการนำมาใช้ก็จะต้องอยู่ในการควบคุมการใช้เหมือนยา


“อีกหน่อยก็จะให้อสม.เริ่มปลูกกัญชาในบ้านก่อนคนละ 6 ต้น ก็เหมือนการปลูกสมุนไพรที่อยู่ในบ้าน ส่วนเรื่องสันทนาการเป็นผลพลอยได้ที่ไม่ได้หมายถึงการสูบ แต่หมายถึงการช่วยเจริญอาหาร ใส่ในต้มหรืออาหารต่างๆ แต่สิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือ จะต้องไม่มีการซื้อขายกันเองและพกพาออกข้างนอกเคหะสถานไม่ได้ เพราะเรื่องหลักในเรื่องกัญชาเสรีคือทางการแพทย์ ซึ่งการดำเนินการในขั้นแรกจะเป็นการใช้ในสถานพยาบาลและการให้ประชาชนปลูกได้ 6 ต้นจะเป็นขั้นต่อไป”นายอนุทินกล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนนโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองมีแนวทางการพัฒนาอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า จะต้องนำส่วนข้อมูลต่างๆที่ได้รับจากหลายๆฝ่ายที่ตนเดินทางไปหารือมาพิจารณาร่อนตะแกรงก่อนจึงจะกำหนดเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป อย่างไรก็ตาม หลักการของบัตรทองคือการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข คนที่ไม่ต้องเข้ารับบริการก็เหมือนการนำโควต้าของท่านไปให้กับคนที่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ


“ในช่วง 3-6 เดือนแรกไม่มีเป้า ทุกอย่างผลักดันเต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าน้ำมันจะหมดตอนไหน ต้องดูสถานการณ์ทางการเมืองด้วย และขอให้กระทรวงสาธารณสุขยึดนโยบายรัฐมนตรีปัจจุบันเป็นหลัก นโยบายที่ผ่านมาอาจไม่ตรงกันอยู่บ้าง ก็ขอให้ใช้นโยบายรัฐมนตรี 2 คนชื่ออนุทินและสาธิตเป็นหลัก และในกระทรวงสาธารณสุขจะไม่มีนโยบายพรรคไหน เพราะไม่ว่านโยบายของพรรฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็พร้อมนำมาผลักดันทั้งสิ้น”นายอนุทินกล่าว


นายอนุทิน กล่าวระหว่างการขอบคุณผู้บริหารสธ.ที่มาต้อนรับด้วยว่า ยืนยันรัฐมนตรี 2 คนมาดี มาเพื่อทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพราะพวกผมเป็นผู้แทนประชาชนมีหน้าที่ตอบแทนประชาชนที่เลือกเข้ามา สิ่งที่อยากเห็นคือพวกท่านหางานแต่ะพวกผมหาเงินและกำลังต่างๆมาสนับสนุนภารกิจให้สำเร็จ โดยมีเป้าหมายเป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชนและแผ่นดิน อยากเห็นความสุขกาย สุขใจของประชาชน ให้ได้รับบริการที่ดีและเจ้าหน้าที่มีความสุขในการให้บริการด้วย ซึ่งก็จะมีหารือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชพลเรือน(ก.พ.)ในการที่ขออัตราตำแหน่งบรรจุแพทย์ให้ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.)ด้วย
“ขอให้มั่นใจว่านโยบายต่างๆที่จะเข้ามาผลักดันและภารกิจที่จะทำจะไม่มีเรื่องประโยชน์ตัวเอง หรือพวกพ้อง คนรู้จักแน่นอน นอกจากเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยยึดสโลแกน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง เพราะหากประชาชนมีสุขภาพที่ดีก็จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ดีด้วย”นายอนุทินกล่าว


ขณะที่นายสาธิต กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่งที่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมองว่าเป็นกระทรวงที่คนมีศักยภาพสูง ซึ่ง ตนมาในฐานะตัวแทนของประชาชน จะตั้งใจทำงานหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต สำหรับงานที่อยากจะเห็น มี 3 ส่วน คือ 1.การรณรงค์ให้ประชาชนใส่ใจเรื่องของการออกกำลังกาย เพื่อส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ลดการเจ็บป่วย ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล 2.การพัฒนาระบบบริการ ลดความแออัดในรพ.ทุกระดับ และ 3.การใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนในการสนับสนุนการให้บริการประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในข้อมูลสุขภาพของตัวเอง


ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ. กล่าวว่า ส่วนของนโยบาบเร่งด่วนการพัฒนาการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ ทั้งในส่วนของการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์แผนไทยที่ถือเป็นมรดกและภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยที่มีการใช้กัญชาในตำรับยาต่างๆมากมาย ซึ่งภายในเดือนส.ค.2562 โรงพยาบาลสังกัดสธ.ทุกแห่งพร้อมที่จะให้บริการกัญชาทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ โดยจะเป็นการให้บริการทางการแพทย์ที่ถูกต้องและมีมาตรฐาน โดยขณะนี้มีการอบรมแพทย์ เภสัชกรที่จำเป็นผู้สั่งใช้กัญชาทางการแพทย์แล้ว เช่นเดียวกับมีการอบรมแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์แล้วเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกัญชงมีแนวโน้มที่จะมีการปลดล็อกให้ประชาชนสามารถปลูกที่บ้านได้ก่อนกัญชา เนื่องจากกัญชงให้สาระสำคัญที่เป็นประโยชน์คือซีบีดีได้เช่นเดียวกับกัญชา แต่ในการแก้ไขกฎหมายให้ประชาชนปลูกได้นั้น ในส่วนของกัญชงจะดำเนินการได้ง่ายกว่า เนื่องจากมีการกำหนดไว้ในระดับของกฎกระทรวงสาธารณสุข การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะเฮมพ์ พ.ศ. 2559 ที่ให้ดำเนินการเฉพาะหน่วยงานรัฐเป็นเวลา 3 ปี โดยจะครบกำหนดในสิ้นปี 2563 และการแก้ไขกฎกระทรวงเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะดำเนินการได้ ขณะที่กัญชานั้นมีการกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ว่าในช่วง 5 ปีแรกจะต้องดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ ซึ่งการแก้ไขพ.ร.บ.จะทำได้ยากกว่าการแก้ไขกฎกระทรวง