เจรจาการค้ายังไม่คืบ

เจรจาการค้ายังไม่คืบ

คาดว่า SET จะมีสลับรีบาวด์จาก Fund flow ต่างชาติที่ยังคงไหลเข้า รวมถึงแรงซื้อดักงบ 2Q19 ที่จะทยอยประกาศจนถึงกลางเดือนส.ค.

ลาดหุ้นเมื่อวันจันทร์ : SET Index ลดลง 3.61 จุด (-0.21%) ปิดที่ระดับ 1,727 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนอีกทั้งนักลงทุนขายลดความเสี่ยงหลังธปท.ออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทส่งผลให้ Fund Flow มีแนวโน้มชะลอตัวลง ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงขายในกลุ่ม FOOD และ HELTH ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ที่ 1,275 ล้านบาท รวมถึง Net Long TFEX จำนวน 1,959 สัญญา แต่ในตลาดพันธบัตรเป็นฝั่งขายสุทธิ 8,333 ล้านบาท 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : เรามีมุมมองเป็นกลาง-ลบคาด SET อ่อนตัวลยงทดสอบ 1,720 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ เนื่องจากความกังวล Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนกลับมากดดันภาวะตลาดอีกครั้งหลังปธน.ทรัมป์เผยว่าการเจรจาการค้ายังไม่คืบหน้า พร้อมขู่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรง หลังอิหร่านพร้อมจะเจรจาเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐซึ่งเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่า SET จะมีสลับรีบาวด์จาก Fund flow ต่างชาติที่ยังคงไหลเข้า รวมถึงแรงซื้อดักงบ 2Q19 ที่จะทยอยประกาศจนถึงกลางเดือนส.ค.

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy เน้นหุ้นงบ 2Q19 ดีเป็นหลัก

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q19 จะเติบโตขึ้น (PTTEP, EA, BGRIM, GPSC, CKP ,CPF, GFPT, TFG, CPALL, MTC, THANI, VGI, PLANB, MINT, VNT, WORK, MAJOR, JMT, PRM)
  • กลุ่มขนส่งทางเรือ (PSL, TTA) อานิสงส์ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุด 2,011 จุด
  • หุ้นปันผลครึ่งปีเด่น (INTUCH, ADVANC, KKP, TCAP, LH, QH)

หุ้นแนะนำวันนี้: KKP (ปิด 71.50 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 79 บาท) ราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับ TISCO ( 2 เดือนที่ผ่านมา KKP +5% แต่ TISCO+12%) ทั้งที่ให้ Dividend yield ใกล้เคียงกันที่ 6-7%ต่อปี ประกอบกับตัวถ่วงของ KKP ใน 1Q19 คือธุรกิจหลักทรัพย์ แต่ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายปรับตัวขึ้นแล้วจึงไม่น่ากังวล อีกทั้งยังมีรายได้จากงาน IB ขนาดใหญ่หลายรายการ ทำให้แนวโน้มกำไรน่าจะ Bottom ไปแล้ว , THANI (ปิด 7 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 7.7 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q19 ยังโตต่อเนื่องจากยอดสินเชื่อที่ยังขยายตัว อีกทั้งยังมีโอกาสกลับรายการสำรองเข้ามาเป็นกำไรเพิ่มเติมเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทตั้งสำรองไว้เกินกว่าที่เกณฑ์ของแบงก์ชาติกำหนดไว้ ขณะที่ปีหน้าคาดต้นทุนดอกเบี้ยลดลง เพราะมีหุ้นกู้ครบกำหนดรวมกว่า 14,000 ล้านบาท จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง

KSS report วันนี้: DTAC (ปิด 56 อัพเกรดเป็นซื้อ /เป้าใหม่ 62 เดิม 55)

ประเด็นสำคัญวันนี้:          

  • (-) ดาวโจนส์อ่อนตัวลงหลัง"ทรัมป์"เผยการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่คืบ: ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,335.63 จุด ลดลง 23.53 จุด หรือ -0.09% หลังปธน.ทรัมป์กล่าวว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่คืบหน้าและอยู่ห่างไกลจากการบรรลุข้อตกลงทางการค้า พร้อมกับขู่ว่าสหรัฐสามารถเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์หากสหรัฐต้องการ ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ภาวะตลาดกลับมากังวลปัญหา Trade war อีกครั้งและกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงกว่า 3% หลังนักลงทุนคลายกังวลสถานการณ์อิหร่าน: น้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 1.96 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 57.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเผยว่าอิหร่านพร้อมที่จะเจรจาเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์หากสหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ในส่วนของรายงานสต็อกน้ำมันดิบ EIA ที่จะเปิดเผยวันนี้ (17 ก.ค.) คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล
  • +/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม: รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของเฟดทั้ง 12 ภาคในวันนี้ 17 ก.ค.เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ตลาดมั่นใจ 100% ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 30 – 31 ก.ค.  นอกจากนี้ยังติดตามการประกาศงบของกลุ่มธนาคารในสัปดาห์นี้ซึ่งภาพรวมคาดว่าจะชะลอตัว ทั้งนี้คาดการณ์วันประกาศงบกลุ่มธนาคารไว้ดังนี้ 18 ก.ค. (TCAP, SCB, BBL), 19 ก.ค. (KBANK, KTB, KKP) และ 22 ก.ค. (TMB)  ทั้งนี้ Consensus คาด KKP, BBL จะรายงานกำไร 2Q19 เติบโตขึ้น YoY