ศึกการค้าสหรัฐ-จีนหนุนนำเข้า8 ศก.เอเชีย

ศึกการค้าสหรัฐ-จีนหนุนนำเข้า8 ศก.เอเชีย

การที่เศรษฐกิจของตลาดสำคัญอย่างสหรัฐ จีน และยูโรโซน ชะลอตัวลงในปี 62 ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย

บทวิเคราะห์ของ “ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส” (พีดับบลิวซี)ที่เผยแพร่วานนี้ (11 ก.ค.) เผยสหรัฐนำเข้าสินค้าจาก 8 ประเทศในเอเชียเพิ่มขึ้นกว่า 16% ประกอบด้วย บังกลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม

อย่างไรก็ดี การที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบแรกเมื่อช่วงต้นปีนี้ เริ่มส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอย่างมีนัยสำคัญและเห็นได้อย่างชัดเจน

รายงานจับตาเศรษฐกิจโลก (Global Economy Watch) ฉบับเดือน ก.ค. ของพีดับบลิวซี ระบุว่า สหรัฐนำเข้าสินค้าจากจีนลดลงราว 15% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้กับประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ ในภูมิภาค

ไมค์ เจคแมน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ พีดับบลิวซีสหราชอาณาจักรกล่าวว่า บางครั้งเศรษฐศาสตร์ก็ตามไม่ทันการเมือง แต่ตอนนี้ได้เห็นข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน แต่เป็นประโยชน์กับอีกหลายประเทศในภูมิภาค หากแนวโน้มเช่นนี้ดำเนินต่อไปก็จะมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวเร็วขึ้น โดยเฉพาะในเวียดนาม เกาหลีใต้ และไต้หวัน

“หากเป้าหมายหลักคือการจัดการกับความไม่สมดุลทางการค้า การขึ้นภาษีนำเข้าทวิภาคีก็ไม่ใช่เครื่องมือที่สมบูรณ์แบบ เพราะมาตรการทดแทนการนำเข้ารังแต่จะก่อให้เกิดปัญหาเดิมกับประเทศอื่น ตัวอย่างเช่น เมื่อเวียดนามมีขีดความสามารถในการแข่งขันมากกว่าจีน สหรัฐจึงขาดดุลการค้าเวียดนามเพิ่มขึ้นแตะ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ เทียบกับ 9,300 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว”

รายงานดังกล่าวของพีดับบลิวซียังได้ประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยอีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้ากระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและความต้องการสินค้าส่งออก

เจคแมน กล่าวเสริมว่า ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกมีแนวโน้มไม่สดใสเท่ากับเมื่อ 18 เดือนก่อน โดยในช่วงต้นปี 2561 เราได้เห็นเศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดและพร้อมเพรียงกันมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการเงินโลก

แต่หลังจากนั้น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่รุนแรงขึ้น เศรษฐกิจที่ชะงักงันอย่างต่อเนื่องในยุโรป และเศรษฐกิจที่ล้มลุกคลุกคลานในตลาดเกิดใหม่ที่ขยายตัวช้า ได้ทำให้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายเปลี่ยนไป

“การที่เศรษฐกิจของตลาดสำคัญอย่างสหรัฐ จีน และยูโรโซน ชะลอตัวลงในปี 2562 ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐได้แรงหนุนจากมาตรการลดภาษีในปี 2561”เจคแมน กล่าว

นักเศรษฐศาสตร์รายนี้เสริมว่า ขณะที่รัฐบาลจีนเดินหน้าชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนเศรษฐกิจยูโรโซนก็กำลังปรับฐานหลังจากขยายตัวสูงกว่าแนวโน้มในปี 2559-2560 แม้ว่าการที่เศรษฐกิจของสหรัฐ จีน และยูโรโซน ชะลอตัวลงพร้อมกันจะเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่งอยู่

ขณะที่รายงานวิจัยที่เผยแพร่วันเดียวกันจาก “เจแอลแอล” บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ พบว่าจากการที่ค่าจ้างแรงงานในจีนปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบริษัทจำนวนมากที่ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเข้ามายังกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีต้นทุนแรงงานต่ำกว่า

นอกจากนั้น สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยิ่งทำให้มีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่เตรียมย้ายที่ทำการออกจากจีนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของทั้ง 2ประเทศมหาอำนาจ

เจแอลแอล ระบุว่า เวียดนาม ไทย และมาเลเซียเป็นประเทศที่จะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากแนวโน้มของการที่มีบริษัทต่างๆ ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศในอาเซียน เนื่องจากเป็นตลาดแรงงานที่มีคุณภาพซึ่งมีค่าจ้างแรงงานอยู่ในเกณฑ์ที่แข่งขันได้ ตัวอย่างเช่น แรงงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยและมาเลเซีย ปัจจุบันมีค่าจ้างถูกกว่าแรงงานในจีนราว 60% เทียบกับ 33% เมื่อปี 2553