เปิดเบื้องลึก! เพื่อน 'ธรรมนัส' โต้ข้อมูลมโน ถูกจับยาออสเตรเลีย

เปิดเบื้องลึก! เพื่อน 'ธรรมนัส' โต้ข้อมูลมโน ถูกจับยาออสเตรเลีย

เปิดเบื้องลึก! เพื่อน 'ธรรมนัส' โต้ข้อมูลมโน ถูกจับยาออสเตรเลีย

ศรศาสตร์ เทียมทัศน์ (สงวนยศและตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) อดีตเจ้าหน้าที่ปรามปรามยาเสพติด ประจำสถานทูตสหรัฐอเมริกา บอกกับ "เนชั่นทีวี" ถึงประเด็นที่มีการกล่าวหาร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหายาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย โดยยืนยันว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนทั้งหมด และถูกนำมาโจมตีกันทางการเมือง

ศรศาสตร์ เล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1993 (พ.ศ.2536) ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางไปเที่ยวที่ออสเตรเลีย และด้วยความคิดถึงเพราะสนิท เปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน จึงได้ชักชวนร้อยเอกธรรมนัส (ขณะนั้นใช้ชื่ออื่น และไม่ได้มียศร้อยเอก) ให้เดินทางไปเที่ยวออสเตรเลียดัวยกัน เพราะเขาไม่เคยมา

เมื่อเดินทางไปถึง ก็ไปรับที่สนามบินในซิดนีย์ เพื่อกลับมายังโรงแรมแห่งหนึ่ง (บันไดบีช) ซึ่งตั้งอยู่ในย่านคนดังของออสเตรเลีย แต่เมื่อไปถึงไม่เกิน 5 นาที ก็มีคนเคาะประตูห้อง และเมื่อเปิดออก ก็พบเป็นชายฉกรรจ์ กว่า 10 คนกรูเข้ามา ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส คิดว่าเป็นคนร้ายเข้ามาปล้น โดยไม่ทราบว่าชายกลุ่มนี้ คือตำรวจ และเกิดการต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ จนทำให้ร้อยเอกธรรมนัสแขนหัก ก่อนจะควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในซิดนีย์ พร้อมกับตั้งข้อหาว่า มียาเสพติดเป็นเฮโรอีนไว้ในครอบครอง

นั่นคือ เรื่องราวสุดระทึกที่เกิดขึ้น แต่มารู้ตอนหลังว่า สาเหตุของการบุกค้นและจับกุม ทั้งๆ ที่ไม่มีของกลางในห้องเลย เป็นเพราะมีนักค้ายาเสพติด 2 รายที่เป็นชาวออสเตรเลีย ให้การซัดทอดกับตำรวจ เหมือนกับพยายามยัดข้อหาคนไทย ซึ่งเป็นคนต่างแดน จะได้ไม่สามารถตอบโต้หรือชี้แจงอะไรได้

หลังจากถูกจับ ก็ไม่พบของกลางยาเสพติด จึงไม่ได้มีการฟ้องคดี แต่ระหว่างที่ตำรวจยังสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมอยู่ ก็ต้องอยู่ที่นั่นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันว่าไม่ได้มีการติดคุก ตามที่มีการนำเสนอข่าวก่อนหน้านี้ ซ้ำทางการออสเตรเลียยังให้ไปช่วยดูแลเยาวชน ซึ่งคล้ายกับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กฯ ในประเทศไทย แต่สภาพที่นั่นสวยกว่า เพราะที่พักมีลักษณะเหมือนรีสอร์ท ตั้งอยู่ในเทือกเขาโอเบรอน โดยทำงานช่วยดูแลเยาวชนอยู่ที่นั่นประมาณ 6 เดือน ก่อนจะขอย้ายกลับเข้ามาหางานทำในเมือง

โดย ร้อยเอกธรรมนัส ได้งานเป็นผู้จัดการบริษัทส่งกระดาษทิชชู่แห่งหนึ่ง ซึ่งถือว่าใหญ่ เพราะส่งทิชชู่ไปทั่วซิดนีย์ ระหว่างนั้นก็ต้องหาซื้อจักรยานคนละคัน ปั่นไปทำงาน เพราะค่าครองชีพสูงมาก ดังนั้นเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และเก็บเงินใช้กินอยู่ สู้คดี ก็ต้องปั่นจักรยาน โดยทำมาเรื่อยๆ จนครบคนละ 4 ปี สุดท้ายทางการออสเตรเลียหาหลักฐานอะไรไม่ได้ ตนและร้อยเอกธรรมนัสจึงตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับประเทศไทย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลับเพราะถูกทางการไทยขอตัวกลับมารับโทษตามที่ข่าวปรากฏเป็นข่าว เป็นการมโนแทบทั้งสิ้น แต่ยอมรับว่าสำหรับตนเอง หลังจากโดนเรื่องนี้แล้วก็ต้องถูกออกจากราชการ