บาทอ่อนกดดันตลาด

บาทอ่อนกดดันตลาด

ดัชนีวานนี้ปิดลบเล็กน้อย และแกว่งตัวในกรอบแคบๆบวกสลับลบ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลง

เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ช่วยหนุน และคาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะถึงนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนสถานะเป็นขายสุทธิ 650.2 ลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,731.03 จุด (-0.20 จุด) Volume 5.7 หมื่นลบ. TFEX Net -8,687 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -8,748 ลบ.

ปัจจัยบวก/ปัจจัยลบ

+น้ำมัน WTI ปิดบวก 15 เซนต์ +0.3% ปิด 57.66 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากอิหร่านได้เสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมสูงกว่าเพดานที่ระบุไว้ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์

+Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 5.0 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.80 บาท/US

-ดาวโจนส์ปิดลบ 115.98 จุด -0.43% ปิด 26,806.14 จุด จากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิล-โบอิ้ง และการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

-มอร์แกน สแตนลีย์ประกาศปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางความวิตกที่ว่า การขยายตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลกจะหักล้างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่างๆ

-เวิลด์แบงก์ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 62 จาก 3.8-3.9% เหลือ 3.5% และลดคาดการณ์ปี 63 จากเดิมคาดว่าจะโต 3.9% เหลือ 3.6%

-ผลสำรวจเผย บริษัทอังกฤษกังวล Brexit เพิ่มขึ้น เล็งลดจ้างงาน-การลงทุน

-ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาฯ2Q62 ลดลงหนักเหลือ 42.2 จุด ลดจากไตรมาสแรกที่ 50.4 จุด จากความไม่มั่นใจศก. การเมือง และรอความชัดเจนของนโยบายที่อยู่อาศัยจากรัฐบาลชุดใหม่

*จับตาสหรัฐเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมและตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสพักฐานต่อ โดยนักลงทุนต่างลดการคาดการณ์โอกาสที่เฟดจะปรับลดอตัราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. และยังจับตาถ้อยแถลงนโยบายการเงินของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในวันที่ 10-11 ก.ค.นี้ขณะที่ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงเล็กน้อยจะเป็นตัวกดดันให้ Fund Flow ชะลอตัวคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,720-1,735 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท (TOA MGT SMIT) ,หุ้นที่ได้ประโยชน์จากผลการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน (SYNEX HANA COM7 TVO)  ,หุ้น Theme EEC play (AMATA WHA ROJNA EASTW ATP30 ORI) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ (STEC CK STPI) ,หุ้นกลุ่มเดินเรือ (TTA PSL RCL AMA) , 5 หุ้นเด่นจาก IAA Survey (ADVANC AMATA CPALL CPF STEC)

หุ้นรายงานพิเศษ

  • SSP (ราคาปิด 8.40 ซื้อ ราคาเหมาะสม 11.60) เผยเดินเครื่องจ่ายไฟโครงการโซลาร์ฟาร์มมองโกเลีย กำลังการผลิต 16.4 เมกะวัตต์ เรียบร้อยแล้ว หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 157 เมกะวัตต์ ดันรายได้ปีนี้โต 30-40% ตามแผน กำไรสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จ่อ COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 65.6 เมกะวัตต์
  • ความเห็น เรายังมีมุมมองบวกต่อการเติบโตของ SSP เนื่องจากในปีนี้มีการ COD โครงการโรงไฟฟ้าไปแล้ว 2 แห่งที่เวียดนามและมองโกเลียกำลังการผลิตรวม 66.6 MW (ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 157 MW) ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตในช่วง 2H62 โดยเราคาดกำไรปี 62 อยู่ที่ 700 ล้านบาทเติบโต 45 %YoY และคาดการณ์อัตราเงินปันผลตอบแทน 4%

หุ้นมีข่าว   

หุ้น MAI น่าลงทุนในช่วงครึ่งหลังปี 62 :  AMA, JKN, CHAYO, ATP30, TMILL

·      AMA (ราคาปิด 7.05 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 8 บาท) คาดการณ์กำไร 2Q62 ราว 36 ลบ. +50%YoY +192%QoQ และคาดผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีจากการขยายกองรถสู่ 181 คัน ณ สิ้นปี 62 จาก 150 คัน ณ สิ้นปี 61 ส่วนธุรกิจขนส่งทางเรือมีต้นทุนซ่อมบำรุงลดลงหลังหยุดซ่อมบำรุงใน Q1 คาดกำไรปี 62 ราว 140 ลบ. +56%YoY

·      JKN (ราคาปิด 9.65 บาท ราคาเหมาะสม บาท) เชื่อว่ารายได้มีโอกาสเติบโตจากการาขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศจะช่วยชดเชยรายได้จากช่องทีวีดิจิตอลที่คืนใบอนุญาต และการเริ่มดำเนินรายการช่อง CNBC ตั้งแต่ 1 ก.ค.จะช่วยหนุนรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปี 62 ราว 300 ล้านบาท +32%YoY

·      CHAYO (ราคาปิด 5 บาท ซื้อเก็งกำไร ราคาเหมาะสม 5 บาท) รายได้มีโอกาสเติบโตจาก 1) ธุรกิจหลักในการซื้อหนี้ NPL ที่มีหลักประกันมาบริหาร โดยผู้บริหารตั้งงบลงทุน 1,000 – 1,250 ล้านบาท ตั้งเป้าซื้อหนี้ราวปีละ 1 หมื่นล้านบาท Q1 ซื้อแล้ว 200 ล้านบาท ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปี 62 ราว 108 ล้านบาท +26%YoY

·      ATP30 (ราคาปิด 1.39 ซื้อ ราคาเหมาะสม 2.40) ควักเงิน 10 ล้านบาท เพิ่มรถให้บริการ 7 คัน หลังได้ลูกค้าใหม่ 3 ราย มองทิศทางผลงานครึ่งปีแรกโดดเด่น บอสใหญ่การันตีรายได้ปีนี้โตตามเป้า 10-15% อวดแบ็กล็อกเต็มมือ 1.3 พันล้านบาท บุ๊กเป็นรายได้ 460-480 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

·      ความเห็น ฝ่ายวิจัยคาดรายได้ปี 62 เติบโต 14% เป็น 479 ล้านบาทและคาดกำไรปี 62 ราว 51 ล้านบาทเติบโต 25%YoY โดยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของผลการดำเนินงานจากการมีลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง ลูกค้าเดิมเพิ่มปริมาณรถที่รับบริการ และการที่ราคาน้ำมันลดลงช่วยลดต้นทุน รวมทั้งมีรถ 20 คันที่หมดค่าเสื่อมราคาในปี 61 หนุนอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปรับดีขึ้น

·      TMILL (ราคาปิด 2.98 บาท) ดำเนินธุรกิจนำเข้าข้าวสาลเพื่อผลิตเป็นแป้งสาลีสำหรับอาหาร อาทิ ขนมปัง เค้ก เส้นบะหมี่ เพื่อจำหน่ายในประเทศ ซึ่งผลประกอบการย้อนหลังปี 58-61 มีกำไรเติบโตจาก 57 ลบ.สู่ 107 ลบ.หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยราว 16% นอกจากนี้บริษัทยังมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 2.6-6% ต่อปี โดยราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายที่ PE Ratio และ PBV 11.4 เท่าและ 1.17 เท่าซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีอยู่ที่ 15.2 เท่าและ 1.55 เท่าตามลำดับ

·      + TQM จะใช้เงิน 5 ลบ.เข้าซื้อกิจการ"ที เจ เอ็น อินชัวร์รันส์โบรกเกอร์"เพื่อเพิ่มช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยอีกหนึ่งช่องทางผ่าน Dealer และตัวแทนขายรถยนต์ ในราคาพาร์ 100 บาท จำนวน 5 หมื่นหุ้น ซึ่งถือเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาท โดยรายการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการทางกฎหมาย

·      TSE เพิ่มทุน 190 ล้านหุ้นจัดสรรให้บุคคลในวงจำกัด (PP) และเพิ่มทุน 381 ล้านหุ้นให้บุคคลทั่วไปเพื่อรองรับหลักทรัพย์แปลงสภาพ “TSE-T1”  อายุ 2 เดือน  จัดสรร 5 ต่อ 1 ให้ฟรี กำหนดวันสุดท้ายของการได้สิทธิ 19 ก.ค. แปลงเป็นหุ้น TSE ในอัตรา 1 ต่อ 1  โดยจะเปิดให้มีการซื้อขาย TSE-T1 ในตลท.  รวมทั้งพิจารณาออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท วันประชุมผู้ถือหุ้น 14 ส.ค. พร้อมกันนี้บริษัทได้แจ้งว่าบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% จะใช้เงิน 174.60 ล้านบาทลงทุนเพิ่มเติมในบจ.ออสการ์ เซฟ เดอะ เวิลด์ (OSW) เพิ่มอีก 25% รวมเป็น 100% ทั้งนี้ OSW ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 17.6 เมกะวัตต์

·      IEC, LVT, YNP จะซื้อขายวันนี้ (9 ก.ค.) เป็นวันสุดท้าย ก่อนจะเพิกถอนหุ้นออกจากตลท.ในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.)