‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ ที่ 30.75 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ ที่ 30.75 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดทุนปิดรับความเสี่ยง เงินบาทเผชิญแรงขายจากผู้ส่งออก เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าขึ้นเล็กน้อย

นายจิติพล  พฤกษาเมธานันท์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ30.75 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อนที่ระดับ30.65 บาทต่อดอลลาร์

โดยในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาดอลลาร์ปรับตัวขึ้นได้หลังตลาดทุนปิดรับความเสี่ยงและบอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากข้อมูลตลาดแรงงานที่ดีกว่าคาดในระยะสั้นเรามองความเสี่ยงที่เงินบาทจะปรับตัวอ่อนขึ้นได้ยังคงมีอยู่เล็กน้อยเนื่องจากบอนด์ยีลด์ระยะสั้นในสหรัฐฯอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรเป็นเช่นบอนด์ยีลด์อายุ2ปีที่ระดับ1.8%  ชี้ว่าตลาดยังคงหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าซึ่งต้องจับตาว่าจะมีการส่งสัญญาณอย่างไรหรือไม่ในรายงานการประชุมครั้งนี้ 

อย่างไรก็ดีเรามองภาพเงินบาทจะเจอกับแรงขายของผู้ส่งออกเมื่อราคาปรับตัวสูงถึง30.80 บาทต่อดอลลาร์และโอกาสที่จะเห็นเงินบาทเปลี่ยนทิศทางในระยะสั้นยังคงต่ำ

มองกรอบเงินบาทวันนี้30.70 - 30.85 บาทต่อดอลลาร์และกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้30.40 - 30.90 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกในสัปดาห์นี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามากมายเริ่มที่ฝั่งยุโรปในวันจันทร์จะมีการรายงานผลผลิตอุตสาหกรรมเยอรมนี(Industrial Production) ของเดือนพฤษภาคมคาดว่าจะหดตัวกว่า2.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนสอดคล้องกับยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน(Factory Orders) ที่หดตัวถึง8.6% ชี้ว่าปัญหาสำคัญของยูโรโซนคือภาคการผลิตที่ซบเซาเรื้อรังจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวตลาดอาจจับตาไปที่รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรปหรือECB ซึ่งคาดกันว่าECB จะใช้รายงานนี้ส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น

ในฝั่งสหรัฐฯคาดว่ายอดตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่(JOTLs Job Openings) เดือนพฤษภาคมที่จะรายงานในวันอังคารจะอยู่ที่7.4 ล้านตำแหน่งซึ่งถือว่าในสหรัฐฯยังมีความต้องการแรงงานในระดับสูง

อย่างไรก็ดีอัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI) เดือนมิถุนายนที่จะมีการรายงานในวันอังคารจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงแตะระดับ1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากปัจจัยราคาสินค้าพลังงานลดลงขณะที่ในวันเดียวกันควรติดตามรายงานการประชุมเฟดล่าสุด(FOMC Meeting Minutes) โดยความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจะหนุนโอกาสการลดดอกเบี้ยเฟดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ฝั่งเอเชียในวันอังคารคาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางมาเลเซีย(BNM) จะมีมติ“ลด” อัตราดอกเบี้ยนโยบาย(Overnight Rate) 0.25% สู่ระดับ3.00% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังภาคการส่งออกซบเซาจากผลกระทบของสงครามการค้าและเศรษฐกิจจีนชะลอตัว 

ส่วนในวันศุกร์ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคมจะหดตัวลง1.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน  นอกจากนี้ยอดส่งออกของจีนก็มีโอกาสจะหดตัวลง0.8% ด้วย

นอกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวสัปดาห์นี้นายเจอโรมพาวเวลล์ประธานธนาคารกลางสหรัฐก็มีกำหนดขึ้นตอบคำถามกับคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนและวุฒิสภาสหรัฐเรื่องนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจด้วย