พณ.เร่งปิดจุดอ่อนธุรกิจผ้าไหมไทย จับมือ ททท. ขยายตลาด

พณ.เร่งปิดจุดอ่อนธุรกิจผ้าไหมไทย จับมือ ททท. ขยายตลาด

กระทรวงพาณิชย์ เร่งปิดจุดอ่อนธุรกิจผ้าไหมไทย ระดมความคิดผู้ประกอบการผ้าไหมท้องถิ่นวางอนาคตธุรกิจร่วมกัน สร้างเครือข่ายพันธมิตรภายในกลุ่มธุรกิจ พร้อมจับมือ ททท. ขยายตลาดสู่เส้นทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ

นางลลิดา จิวะนันทประวัติรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ประกอบการผ้าไหมท้องถิ่นที่ผ่านการพัฒนาศักยภาพด้านการค้าและการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยว่ากรมฯได้มอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ประกอบการผ้าไหมท้องถิ่น ที่ผ่านการพัฒนาศักยภาพด้านการประกอบธุรกิจแบบเข้มข้นจำนวน 100 ราย ซึ่งผ้าไหมไทยเป็นธุรกิจที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญและดำเนินการส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่องโดยเล็งเห็นถึงศักยภาพทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์ที่สามารถพัฒนาให้ครองใจผู้บริโภคได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเนื่องจากมีความงดงาม ทรงคุณค่า สะท้อนอัตลักษณ์แต่ละท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

"ขณะนี้ผู้บริโภคนิยมนำวัสดุจากธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาผลิตเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคและต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะตัว สร้างสรรค์มาจากฝีมือที่มีความโดดเด่น ทำให้เป็นโอกาสทองสำหรับผ้าไหม-ผ้าฝ้ายของไทยในการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มนี้"

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมฯได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผ้าไหมของไทยทุกภูมิภาคทำการขยายตลาดผู้บริโภคให้กว้างมากยิ่งขึ้น เบื้องต้นได้มีการจัดอบรมบ่มเพาะเชิงปฏิบัติการแบบเข้มข้นให้แก่ผู้ประกอบการผ้าไหมท้องถิ่นโดยเน้นการเติมเต็มความรู้ในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร เช่นการกำหนดกลยุทธ์ด้านการตลาด การสร้างเรื่องราวของผลิตภัณฑ์/บริการ (Storytelling)การสร้างแบรนด์ของผลิตภัณฑ์/บริการ (Branding) การวางตำแหน่งทางการตลาด(Positioning) การส่งเสริมการขาย (Promotion) การสร้างการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาการสร้างจุดขายที่แตกต่าง (Unique Selling Point) การสร้างอัตลักษณ์และวิธีการถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับผลิตภัณฑ์รวมทั้ง การปลูกฝังค่านิยมความเป็นผู้ประกอบการให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมฯเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรมและตามทันกระแสธุรกิจสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

นอกจากการอบรมบ่มเพาะแบบเข้มข้นแล้วยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในแต่ละภูมิภาคเกิดรวมกลุ่มกันเป็นภาคีเครือข่ายธุรกิจผ้าไหมและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและจุดอ่อนของธุรกิจผ้าไหมที่แต่ละกลุ่มหรือแต่ละชุมชนได้รับหรือประสบมาพร้อมระดมความคิดเห็นเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาและปิดจุดอ่อนที่เกิดขึ้นโดยมีผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ คอยเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ และร่วมกันวางแผนอนาคตธุรกิจผ้าไหมของไทยว่าจะไปเติบโตในทิศทางใดและอย่างไรก่อนเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายอื่นๆ เช่น ผู้ผลิต ผู้จัดหา นักออกแบบ และผู้ซื้อในการขยายช่องทางการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม กรมฯเตรียมประสานไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เพื่อเชื่อมโยงตลาดผ้าไหมสู่คลัสเตอร์การท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่นโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ฯลฯทั้งเมืองหลักและเมืองรองในการนำผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมมาใช้ในการตกแต่งสถานที่หรือเป็นของที่ระลึกสำหรับแขกผู้ที่เข้ามาใช้บริการโดยใช้เครื่องมือสนับสนุนผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งจะมีการนำผู้ประกอบการที่ผ่านการอบรมเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อเปิดตลาดใหม่ๆและขยายโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น

"มั่นใจว่าธุรกิจผ้าไหมไทยยังคงมีอนาคตที่สดใสถ้าทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการผ้าไหม และทายาทร่วมมือร่วมใจกันในการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุดมีการรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างพันธมิตรทางการค้า ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทุกๆ ด้านมีการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านลวดลายบนผืนผ้าไหม โดยยังคงรักษามาตรฐานคุณภาพการผลิต และความงดงามไว้ไม่เปลี่ยนแปลงโดยนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการต่อยอดพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ทันสมัยดูแลรักษาง่าย ซึ่งจะเป็นการยกระดับผ้าไหมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นและยังคงไว้ซึ่งความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จะเป็นเอกลักษณ์ของชาติสืบต่อไป"รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย