ดัชนีดาวโจนส์ทะยานกว่า200จุด

ดัชนีดาวโจนส์ทะยานกว่า200จุด

นอกจากนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) แถลงว่า สหรัฐได้เลื่อนกำหนดเวลาในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากวันที่ 1 มิ.ย. เป็นวันที่ 15 มิ.ย.และมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐ อาจจะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (7 มิ.ย.)ทะยานกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดวอลล์สตรีทยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐได้เลื่อนกำหนดเวลาในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนและเม็กซิโก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 263.28 จุด หรือ1.02% ปิดที่ 25,983.94 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 29.85 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 2,873.34  จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 126.55 จุด หรือ 1.66% ปิดที่ 7,742.10 จุด

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงในวันนี้ ตามการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า โดยเฟด จะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 18-19 มิ.ย.

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 75,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 224,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 เดือนที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 100,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นเดียวกันในเดือนเม.ย.

เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานลดลงสู่ระดับ 3.1%

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ