‘สิงคโปร์’ เลิกแบนนำเข้าไก่ญี่ปุ่น

กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่นแถลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ขณะนี้รัฐบาลสิงคโปร์ได้ยกเลิกคำสั่งเมื่อปี 2553 ที่ห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและสินค้าอาหารประเภทอื่น ๆ จากญี่ปุ่นแล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป

ความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้สิงคโปร์สามารถนำเข้าสัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแปรรูป และสินค้าที่เกี่ยวกับไข่ รวมถึงอาหารแปรรูปที่ทำจากเนื้อวัวและเนื้อหมูจากญี่ปุ่นได้

นางฮิซาโกะ โอกุระ เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น กล่าวว่า สิงคโปร์ออกคำสั่งระงับการนำเข้าสัตว์ปีกจากญี่ปุ่นเมื่อปี 2553 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในประเทศ

ขณะที่นายมาซัตสึกุ โอกิตะ เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ อีกราย เผยว่า ญี่ปุ่นได้รับอนุญาตให้ขนส่งเนื้อวัวและเนื้อหมูทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็งไปสิงคโปร์ ซึ่งกำลังพยายามสร้างความหลากหลายให้กับแหล่งนำเข้าอาหารของตน

“กระทรวงฯ เจรจากับสำนักงานอาหารเกษตรและสัตวแพทย์ของสิงคโปร์ ให้ยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลโตเกียวกำลังพยายามกระตุ้นการส่งออกสินค้าเกษตรและประมงของประเทศ” นายโอกิตะกล่าว และเสริมว่า ขณะนี้ยังมีการเจรจาที่คล้ายกันกับตลาดต่างประเทศอื่น ๆ เช่น เกาหลีใต้และไต้หวัน ด้วย

นายโคกิ มิโยชิ กรรมการผู้จัดการร้านอาหารญี่ปุ่น “กาโมชิตะ” ในสิงคโปร์ กล่าวว่า แม้สัตว์ปีกของมาเลเซียถูกบริโภคอย่างแพร่หลายในสิงคโปร์ แต่สัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นก็ได้รับความนิยมเนื่องจากส่วนผสมคุณภาพสูง

“เราสามารถมีผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายขึ้น เช่น อาหารสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมเนื้อค่อนข้างมาก” ลูกจ้างคนรายหนึ่งที่รับผิดชอบด้านการจัดหารอาหารสดของผู้ดำเนินการซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นในสิงคโปร์เผย

นายโยชิมิตสึ ฟูจิอิ เลขานุการโทของสถานทูตญี่ปุ่นในสิงคโปร์ คาดการณ์ว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากญี่ปุ่นไปสิงคโปร์จะเริ่มต้นในหลายเดือนข้างหน้า หลังจากรัฐบาลสิงคโปร์ให้ไฟเขียวบรรดาบริษัทสัตว์ปีกและโรงงานแปรรูปของญี่ปุ่นแล้ว

ข้อมูลจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น ระบุว่า การส่งออกปศุสัตว์และประมงเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตั้งแต่ปี 2556 มาอยู่ที่ราว 9.07 แสนล้านเยนในปี 2561 โดยการส่งออกไปสิงคโปร์รวมอยู่ที่กว่า 2.8 หมื่นล้านเยน ทำให้สิงคโปร์เป็นตลาดต่างประเทศขนาดใหญ่อันดับ 8 ของญี่ปุ่น

ขณะที่รัฐบาลโตเกียวตั้งเป้าเพิ่มการส่งออกอาหารประเภทเหล่านี้ให้แตะ 1 ล้านล้านเยนในปีนี้