หมากฝรั่ง‘คิดคิด’ พลิกเกมรุก ปั้นโปรดักท์สุขภาพ

หมากฝรั่ง‘คิดคิด’ พลิกเกมรุก ปั้นโปรดักท์สุขภาพ

กลุ่มสินค้าหมากฝรั่งเติบโตถดถอยลงอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2557 มูลค่าตลาดกว่า 3,000 ล้านบาท ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เผชิญภาวะ “ติดลบ” ตลาดหดตัวเหลือราว 2,000 ล้านบาท

ท่ามกลาง บิ๊กเพลเยอร์” 3-4 แบรนด์อินเตอร์ ทำให้ คิดคิด ตำนานหมากฝรั่งของคนไทยต้องพลิกแนวคิด!! ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ก้าวสู่การสร้างฐานใหม่เพื่อการเติบโตในอนาคต

ริศร์สุ แต้มคงคา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานลูกกวาดเม่งเซ้ง จำกัด กล่าวว่า ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หมากฝรั่งยี่ห้อ “คิดคิด” กล่าวว่า บริษัทเตรียมขยายไลน์ธุรกิจอุปโภคบริโภค หรือ คอนซูเมอร์โปรดักท์ โดยมองศักยภาพการเติบโตในไลน์สินค้าเพื่อสุขภาพเน้นเจาะกลุ่มนิชมาร์เก็ต!! คาดว่าเริ่มทำตลาดกลุ่มแรกภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เช่น นมถั่วเหลือง นมถั่ว

ปัจจุบัน ตลาดนมถั่วเหลือง มีมูลค่าราว 20,000 ล้านบาท มีการขยายตัวต่อเนื่อง มีผู้เล่นไม่มาก อาทิ แลคตาซอย ครองมาร์เก็ตแชร์ 55% ไวตามิ้ลค์ 27% ดีน่า 15% ขณะที่ นมถั่ว” มีการเติบโตสูงจากเทรนด์สุขภาพ!!

ภายใต้กลุ่มเม่งเซ้ง ปัจจุบันมีธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สารให้ความหวาน สัดส่วนรายได้ 80%  เทรดดิ้ง 15% และ หมากฝรั่งแบรนด์คิดคิด 5% โดยปีที่แล้วมีรายได้รวม 2,500 ล้านบาท

การแตกไลน์ธุรกิจครั้งนี้เป็นกลยุทธ์สร้างการเติบโตให้องค์กรในระยะยาว เบื้องต้นปีนี้จัดสรรงบประมาณ 20 ล้านบาท ลงทุนทั้งด้านการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 

ไลฟ์สไตล์คนไทยนิยมลูกอมมากกว่าหมากฝรั่ง ทำให้ลดการบริโภคหมากฝรั่งลงต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งถูกแอนตี้จากโรงเรียน ผู้ปกครอง เพราะกลัวบุตรหลานฟันผุ อีกทั้งสินค้าไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ตลาดจึงไม่ขยายตัวและติดลบ 2 หลัก ยอดขายคิดคิดจากเคยสูงสุดมากกว่า 500 ล้านบาทหายไปกว่าครึ่งเหลือราว 200 ล้านบาท" 

แน่นอนว่า คิดคิดต้องปรับกลยุทธ์ สร้างขาธุรกิจใหม่!! อุปโภคบริโภค เน้นกลุ่มเฮลธ์ตี้ ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงโดยใช้ชื่อแบรนด์ “คิดคิด ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดแข็งที่สามารถต่อยอดธุรกิิจทั้ง อาหาร และ ไม่ใช่อาหาร รวมทั้งโปรเจคพิเศษต่างๆ

หมากฝรั่ง “คิดคิด” ผลิตและจัดจำหน่ายครั้งแรกในปี 2527 โดยโรงงานลูกกวาด “เม่งเซ้ง” โรงงานแห่งแรกของประเทศไทยที่ใช้เครื่องจักรผลิตหมากฝรั่ง และลูกอม ด้วยรสชาติมินต์เฉพาะตัวของ คิดคิด และสีเหลืองสดใส และแถบคาด น้ำเงิน-แดง-เขียว อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ทั้งสโลแกนที่ติดหูอย่าง คิดคิดเพื่อนเคี้ยว ถ้าคิดจะเคี้ยว เคี้ยวคิดคิด” จึงเป็นที่นิยมกับผู้บริโภคในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ทั้งในต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ เรียกว่าหากใครมาเดิน สยาม เวลานั้นจะคุ้นภาพกลุ่มวัยรุ่นเดินเคี้ยว “คิดคิด”

ปัจจุบัน หมากฝรั่ง คิดคิด มีจำหน่ายเฉพาะช่องทางเทรดดิชั่นนอลเทรด และไม่ที่ผ่านมามีการลงทุนใหม่ เพราะมองว่าไม่คุ้ม!! 

สำหรับ ตลาดรวมหมากฝรั่งในประเทศไทย แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มลมหายใจสดชื่น สัดส่วน 48.8% กลุ่มลมหายใจสดชื่นเข้มข้น 13.3% กลุ่มรักษาสุขภาพฟัน 11.7% กลุ่มให้ความเพลิดเพลินเช่นแบบมีไส้ 10.2% และ กลุ่มเพื่อความสนุกสนาน 16% โดย 2 กลุ่มหลังเป็นกลุ่มที่ยังเติบโตดี ประมาณ 7% มีแบรนด์หลักที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดตามลำดับ ได้แก่ เดนทีน ริกลี่ส์ และล็อตเต้ 

ธุรกิจหมากฝรั่งที่ไม่สดใส!! ภายใต้การขับเคลื่อนธุรกิจของเจนเนอเรชั่นที่ 3 ประเดิมก้าวรุกรอบใหม่ด้วยการรีเฟรชแบรนด์ “คิดคิด” ในรอบ 35 ปี เพื่อฟื้นตลาดและส่งต่อ!! การรับรู้แบรนด์ไปยัง สินค้าใหม่ ที่ไม่ใช่หมากฝรั่ง 

โดยร่วมกับ  สยามเซ็นเตอร์ และ ไทยดีไซเนอร์ 3 แบรนด์แฟชั่น สร้าง ลิมิเต็ด อิดิชั่น ดึงแบรนด์เอสเซ้นส์ (Brand Essence) ของคิดคิด จำหน่ายที่ร้าน แอบโซลูท สยาม สโตร์ สยามเซ็นเตอร์  

เป็นการรังสรรค์แฟชั่นหมากฝรั่งยุค 90 ผสมผสานแฟชั่นยุค เจเนอเรชั่น อัลฟ่า 3 แบรนด์ “Fox Pixel” เสื้อผ้าลำลองยูนิเซ็กส์ “April Pool Day” แบรนด์ชุดว่ายน้ำวินเทจ และ “She” แบรนด์กระเป๋าแฮนเมด

แผนเชิงรุกปีนี้ คาดว่าจะผลักดันยอดขายของกลุ่มเม่งเซ้งทำได้ตามเป้าหมาย 3,000 ล้านบาท