พาณิชย์ชี้สงครามการค้า หนุนทุนจีนแห่เข้าอีอีซี

พาณิชย์ชี้สงครามการค้า หนุนทุนจีนแห่เข้าอีอีซี

สนค.แนะรัฐบาลใหม่ดึงทุนจีนลงทุนอีอีซีหลบปัญหาสงครามทางการค้า พร้อมเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีเสริมแกร่งการค้า-ลงทุน ขณะที่การส่งออกไทยกระทบแค่เล็กน้อย

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า เพื่อลดผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นั้นในระยะสั้นไทยควรเร่งขยายส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ผลไม้ ไปจีนให้มากขึ้น แต่ในระยะยาวต้องนำนโยบายด้านการลงทุนเข้ามาเป็นเครื่องมือ โดยดึงให้จีนเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพิ่มมากขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนใหม่ หรือ ซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา สปป.ลาว เมีียนมา เวียดนาม)

นอกจากนี้ ผลของสงครามทางการค้าจะกระทบกับไทยทางอ้อมเพราะไทยพึ่งพาการส่งออกมาก ไทยต้องเร่งเจรจาความตกลงต่างๆ หลังจากมีรัฐบาลใหม่ ไม่เช่นนั้นไทยจะไม่มีทางเลือกในการส่งออกภายใต้อัตราภาษีที่ต่ำ และจะกลายเป็นเป็นจุดอ่อนการค้าระหว่างประเทศของไทย แต่หากไทยมีข้อตกลงทางการค้าที่ครอบคลุมให้ได้มากที่สุดนอกจากจะช่วยสนับสนุนการค้าและยังเป็นการเพิ่มความน่าสนใจการลงทุนในไทยด้วย

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนรอบใหม่ ที่สหรัฐขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 10 % เป็น 25 % โดยขณะนี้จะต้องรอดูความชัดเจนว่าสหรัฐจะประกาศจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามจากการประเมินเบื้องต้นในรอบ 1 ปีที่สหรัฐขึ้นภาษี 10% ส่งผลทั้งดีและไม่ดีต่อการการส่งออกสินค้าไทยไปยัง 2 ประเทศ

โดย มูลค่าส่งออกไทยลดลง 780 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.3% ของการส่งออกไทยทั้งหมดที่มีมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ โดยในตลาดจีน ไทยส่งออกไปจีนลดลง 13,000 ล้านดอลลาร์ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้น 11,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนต่างอยู่ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งช่องว่างดังกล่าวสินค้าไทยน่าจะเข้าไปเจาะตลาดได้มากเนื่องจากการขึ้นภาษี 25% จะทำให้ราคาสินค้าก็จะแพงขึ้น ดังนั้นเราต้องเร่งทำตลาดมากขึ้นเพื่อทดแทนสินค้าในตลาดสหรัฐและจีน

สำหรับการลงทุนจากจีนมายังอีอีซี มีมูลค่า 54,400 ล้านบาท สัดส่วน 7.59% เป็นลำดับที่ 3 รองจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์ตามลำดับ