หุ้นสหรัฐปิดตลาดไร้ทิศทางหลังพุ่งกว่า 400 จุดเมื่อวันพุธ
นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ยืนยันว่า ตนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกันในเดือนหน้าเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงทางการค้า
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (31ม.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวร่วงลง ขณะที่นักลงทุนพากันขายทำกำไร หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อวันพุธ ขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สวนทางดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ทะยานขึ้น 7.87% ในเดือนนี้ ทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนต.ค.2558 และถือเป็นเดือนม.ค.ที่ปรับตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2532
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 0.06% ปิดที่ 24,999.67 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 0.86% ปิดที่ 2,704.1 จุดส่วนดัชนีแนสแด็กปรับตัวขึ้น 1.37% ปิดที่ 7,281.74 จุด
ทั้งนี้ ราคาหุ้นบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค (จีอี) พุ่งขึ้น 10% ในวันนี้ หลังจากเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทมีรายได้ที่ระดับ 3.328 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.260 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่บริษัทมีกำไร 17 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 22 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ยืนยันว่า ตนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกันในเดือนหน้าเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในวันนี้ ก็เป็นไปด้วยดี
“คณะเจรจาการค้าของจีนกำลังอยู่ในสหรัฐเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ของเรา โดยการประชุมเป็นไปด้วยดี ซึ่งจีนไม่ต้องการให้มีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า และคิดว่าจะเป็นการดีกว่าที่พวกเขาจะสามารถทำข้อตกลงได้ และผมจะพบกับพวกเขาที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันนี้ ซึ่งผมและพวกเขาจะพยายามทำข้อตกลงที่สมบูรณ์ โดยจะไม่ให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดค้างคาอยู่ แต่จะยังไม่มีการทำข้อตกลงขั้นสุดท้าย จนกว่าผมและท่านประธานาธิบดีสี จื้นผิง ซึ่งเป็นเพื่อนของผม จะพบกันในอนาคตอันใกล้ เพื่อหารือกัน และตกลงกันเกี่ยวกับประเด็นที่ยากกว่า และเกิดขึ้นมายาวนาน” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทั้งนี้ การประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิงในเดือนหน้า ถือว่ามีความสำคัญต่อการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เนื่องจากหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันที่ 2 มี.ค. ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้