‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 31.93 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 31.93 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดการเงินทั่วโลกเคลื่อนไหวกรอบแคบ นักลงทุนยังไม่เปิดรับความเสี่ยง นักลงทุนวิ่งหาสินทรัพย์ผลตอบแทนสูงแทนที่เงินบาท

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.96 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อนน้า

ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินทั่วโลกเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แม้ดัชนี S&P500 ของสหรัฐจะปรับตัวบวกขึ้นได้ 0.7% แต่ดัชนี Euro Stoxx 50 ของยุโรปกลับถูกขายทำกำไรและปรับตัวลง 0.27% ส่วนบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10ปีก็ปรับตัวขึ้นเพียง 2.5bp มาที่ระดับ 2.69% ชี้ว่านักลงทุนยังไม่เปิดรับความเสี่ยงเต็มที่

ทั้งนี้ เกิดจากตลาดยังคงให้ความสำคัญกับโอกาสที่สหรัฐและจีนจะสามารถกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาได้ พร้อมกับเฟดที่อาจขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าที่เคยประเมินไว้ พร้อมกันกับที่ราคาน้ำมันก็น่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคและผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจยังถือว่าไม่พลิกกลับมาเป็นบวก ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อนอกภาคการผลิตของสหรัฐ (US Non-Msnufacturing PMI) ปรับตัวลงมาที่ระดับ 57.6 ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก

ในส่วนของค่าเงินบาท เรามองว่าภาพตลาดการเงินที่ดีขึ้นพร้อมราคาน้ำมัน ไม่ได้เป็นปัจจัยบวกกับเงินบาทในช่วงนี้ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่จะหันเข้าหาสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงแทนที่ เงินบาทจึงน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบกว้าง โดยจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มอีกครั้ง ถ้ามีความชัดเจนเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 31.90-32.00 บาทต่อดอลลาร์


นักบริหารเงินธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์(DXY) ปรับตัวลงใกล้ระดับ 95.6จุด หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะสามารถชะลอการขึ้นดอกเบี้ยและแผนการลดงบดุลได้ หากสภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินสหรัฐฯไม่เอื้ออำนวย

นอกจากนี้ แนวโน้มการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ยังส่งผลให้ตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง ถึงแม้ว่ารายงานตัวดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการสหรัฐฯ(ISM Non-Manufacturing PMI) จะปรับตัวลดลงมากกว่าคาด(แตะระดับ 57.6 จุด ในขณะที่ตลาดมองไว้ที่ระดับ 59.6จุด) สะท้อนว่าภาคการบริการ รวมถึงแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนสหรัฐฯมีการชะลอตัวลงมากขึ้น

ดังนั้นการปรับตัวขึ้นของตลาดอาจจะตั้งอยู่บนความหวังของการเจรจาการค้าและแนวโน้มการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ตลาดอาจจะพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยงได้รวดเร็ว หากปัจจัยดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยรวมเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจน


สำหรับวันนี้ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดผ่านถ้อยแถลงหนึ่งในคณะกรรมการFOMC อย่าง Fed Bostic c

มองเงินบาทวันนี้มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.85-32.00 บาทต่อดอลลาร์