‘เอ็นวีดี’ดันราคาชนซิลลิ่งตัวแรกปี62

‘เอ็นวีดี’ดันราคาชนซิลลิ่งตัวแรกปี62

“เนอวานา ไดอิ” ประเดิมดันราคาหุ้นพุ่งชนซิลลิ่งตัวแรกของปี 62 หลังราคาหุ้นทะยานกว่า 29.57% มาอยู่ที่ระดับ 2.98 บาท ฟากบริษัทเล็งหาพันธมิตรต่างชาติ ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 3 หมื่นล้าน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/62

วันนี้ (2 ม.ค.62) พบความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงจนชนซิลลิ่ง 29.57% มาอยู่ที่ระดับ 2.98 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.68 บาท โดยมูลค่าการซื้อขาย 0.60 ล้านบาท โดยราคาขึ้นสูงสุด 2.98 บาท และราคาลงต่ำสุด 2.90 บาท ซึ่งถือเป็นหุ้นตัวแรกของปีที่ราคาหุ้นทำระดับสูงสุดของวัน

ด้านแหล่งข่าว เปิดเผยว่าราคาหุ้น NVD ที่ปรับตัวขึ้นจนชนซิลลิ่งนั้น คาดว่าจะเป็นการฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากที่วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ธ.ค.61) ราคาหุ้น NVD ได้ปรับตัวลงแรงกว่า 28.57% ปิดที่ระดับ 2.30 บาท หรือลดลง 0.92 บาท ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากอะไรจึงเกิดการขายไม้สุดท้ายก่อนปิดตลาดหรือมีการทำรายการที่ผิดพลาด ขณะที่ี่ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นแรงวันนี้ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มองว่าอาจเป็นแค่การดีดกลับของราคาหุ้นมาในระดับเดิม และยืนยันว่าพื้นฐานธุรกิจไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) พื้นที่จำนวน 200 ไร่ บริเวณกรุงเทพกรีฑา มูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรร่วมทุนจากต่างประเทศหลายราย ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/2562 นอกจากนี้ในปี 2562 บริษัทคาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ประมาณ 10 โครงการ มูลค่ารวมราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีโครงการที่ร่วมทุนกับไดวะ เฮ้าส์ จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ ภายใต้แบรนด์ เนอวานา บียอนด์ 1 โครงการ คาดว่าจะเปิดขายได้ในช่วงไตรมาส 1/2562

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ฝ่ายวิจัยทำบทวิเคราะห์ครอบคลุม แต่จากการตรวจสอบสัญญาณทางเทคนิคเบื้องต้นพบว่าหุ้นตัวนี้ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง ซึ่งเวลามีนักลงทุนบางกลุ่มเทขายก็อาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง ขณะที่วันนี้ก็น่าจะมีแรงซื้อกลับซึ่งไม่น่ามีอะไรที่มีนัยสำคัญ เพราะวอลุ่มการซื้อขายก็ค่อนข้างน้อย

ขณะที่มองว่าหุ้นในกลุ่มอสังหาฯปี 2562 การลงทุนยังต้องระมัดระวัง เนื่องจากมีปัจจัยที่กดดันอยู่หลายเรื่องทั้งหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป,ทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงภาวะขาขึ้น และวอลุ่มการซื้ออสังหาฯของนักลงทุนชาวจีนที่หายไป ซึ่งต้องจับตาดูแนวโน้มยอดขายในช่วงไตรมาส 1/2562 ว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวมากน้อยหรือไม่

อย่างไรก็ตามมองว่าราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาฯได้ปรับตัวลดลงแรงมากแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้หุ้นบางตัวมีดาวไซด์ที่เริ่มจำกัด แต่ก็ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะมาช่วยสนับสนุนให้ราคาเคลื่อนไหวไปได้ไกลนัก ขณะที่หุ้นบางตัวเริ่มน่าสนใจ เพราะราคาที่ลดลงแรงจนทำให้อัตราการจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น โดยเลือก QH เป็นตัวที่โดดเด่นสุดในกลุ่ม