ลุ้นประกัน 'เสก โลโซ' หลังเจอคุก 2 ปี 21 เดือน

ลุ้นประกัน 'เสก โลโซ' หลังเจอคุก 2 ปี 21 เดือน

"อีฟ” ยื่น 5 แสนขอปล่อยตัว “เสก โลโซ” ลุ้นคำสั่งประกันศาลอุทธรณ์เย็นนี้

เมื่อวันที่ 25 ต.ค.61 ที่ห้องพิจารณา 301 ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ ศาลนัดพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1662/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 12 (มีนบุรี) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย” หรือเสก โลโซ อายุ 44 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ,140 ฐานเสพยาเสพติดอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 ฯ มาตรา 7 ,72

กรณีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.60 เวลาประมาณ 18.00 น. จำเลยได้มีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนออโตเมติกอีกจำนวน 6 นัด และจำเลยเสพเมทเอมเฟตามีน กับเสพ 3,4 เมทิลลีนไดออกซีเมทเอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้าสู่ร่างกายซึ่งจำนวนและน้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัด โดยจำเลยยังต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ด้วย เหตุเกิดที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. โดยเมื่อถึงเวลานัด “เสก โลโซ” จำเลย มาศาล พร้อม "น.ส.อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์" หรืออีฟ ภรรยา เเละทนายความ

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบและจำเลยต่อสู้เเล้ว เห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนในชื่อของผู้อื่นซึ่งมีใบอนุญาตในครอบครอง คดีจึงมีประเด็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง ข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญโดยประทุษร้ายเเละโดยมีอาวุธปืน เเละความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 หรือไม่ "ศาล" เห็นว่า ข้อหาเสพเมทเเอมเฟตามีน เเละ 3,4 เมทิลลีนไดออกซีเมทเอมเฟตามีน (ยาอี) อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 นี้ โจทก์มีพยานเป็น ตำรวจหญิงที่นำตัวอย่างปัสสาวะของจำเลยตรวจพิสูจน์ เบิกความถึงขั้นตอนการส่งตรวจ ซึ่งผลบ่งชี้ว่า ในตัวอย่างปัสสาวะของจำเลยที่ได้ปิดฝากระปุกตัวอย่างปัสสาวะที่ส่งตรวจเเละปิดผนึกป้องกันอย่างแน่นหนาด้วยเทปกาวที่ระบุชื่อจำเลยไว้โดยชัดเเจ้งนั้นมีสารประกอบของเมทเเอมเฟตามีนอยู่ในปัสสาวะนั้นด้วย

โดยตัวอย่างปัสสาวะที่ส่งตรวจไม่ได้มีการสับเปลี่ยนได้โดยง่ายเเละไม่มีผู้อื่นที่จะนำสารเสพติดดังกล่าวไปใส่ปะปนปัสสาวะของจำเลยตามที่จำเลยนำมากล่าวอ้างต่อสู้ อีกทั้งผลการตรวจ DNA ของตัวอย่างปัสสาวะ ก็ตรงกับเยื่อบุที่ได้จากกระพุ้งเเก้มของจำเลย โดยการนำตัวอย่างปัสสาวะได้มานั้นก็ได้มาด้วยความยินยอมของจำเลย ซึ่งตามกฎหมายหากมีความจำเป็นต้อง ตรวจพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พนักงานสอบสวนก็สามารถดำเนินการได้ ส่วนที่จำเลยโต้เเย้งว่าการนำตัวอย่างปัสสาวะไปนั้นไม่ได้เเจ้งให้จำเลยทราบก่อนนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 131/1 บัญญัติว่า กรณีต้องใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจให้ทำการตรวจพิสูจน์เท่าที่จำเป็นเเละสมควรโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของบุคคล หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องให้ความยินยอม ซึ่งกรณีนี้จำเลยก็ได้ให้ความยินยอมไว้เเต่เเรก

อีกทั้งการส่งตรวจดังกล่าวยังมีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักเทคนิคได้ทำการตรวจตัวอย่างปัสสาวะถึง 3 ขั้นตอน โดยพยานโจทก์นี้ก็เป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่เเละไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าพยานโจทก์จะกลั่นเเกล้งให้จำเลยต้องรับโทษ พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังได้ว่า ผลการตรวจปัสสาวะของจำเลยมีสารเสพติดซึ่งเกิดจากการนำสารเสพติดเข้าไปในตัวของจำเลยด้วยวิธีเสพ ไม่ใช่การใช้ยารักษาโรคทั่วไปที่มีสารเสพติดผสม ส่วนข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานฯนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ไปขอหมายค้นบ้านพักของจำเลย , พนักงานสอบสวน เเละเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.คันนายาว มาเบิกความถึงช่วงเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ เเละขณะเกิดเหตุว่าเมื่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ออกหมายจับจำเลย ผู้บังคับบัญชาก็ให้พยานไปขอหมายค้นบ้านของจำเลยที่อยู่ในหมู่บ้าน นันทวัน ซ.สุขาภิบาล 5 เเขวงท่าเเร้ง เขตบางเขน เเละเมื่อได้หมายมาก็ไปยังบ้านจำเลย เเต่ครั้งเเรกไม่มีคนเปิดประตู ซึ่งระหว่างตรวจสอบก็ทีบุคคลอยู่ภายในบ้านตำรวจจึงได้ปีนรั้วบ้านเข้าไป

เมื่อถึงตัวบ้านก็ได้เคาะเรียกจำเลยโดยมีคนดูเเลบ้าน 2 คนออกมาพบเจ้าหน้าที่ ซึ่งพยานโจทก์ก็ได้เเสดงทั้งหมายค้นเเละหมายจับให้ทราบเเล้ว เเต่ตัวจำเลยยังไม่ออกมาพบเจ้าหน้าที่โดยระหว่างนั้นมีการเผยเเพร่ภาพไลฟ์สดของจำเลยพร้อมกับระบุว่ามีอาวุธปืน เเละขู่ว่าหากเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาก็พร้อมจะยิง โดยจำเลยอ้างว่ารู้จักกับ พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น . ขณะนั้น พล.ต.ต.สมพงษ์ จึงได้มาในพื้นที่ เจรจากับจำเลยผ่านทางโทรศัพท์เเต่ก็ไม่เป็นผล จำเลยยังคงซุกตัวอยู่ที่ห้องนอนชั้น 2 ล็อคประตูทางเข้า กับนำโซฟา-โต๊ะมาขวางกันประตูไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเคาะประตูหลายครั้งเเละกระเเทกประตู ซึ่งระหว่างนั้นจำเลยได้ถืออาวุธปืน 9 มม. มีกระสุนปืนในรังเพลิง 1 นัด และซองกระสุนปืนอีก 5 นัด โดยอาวุธปืนนั้นได้ปลดล็อคไว้เเล้วโดยเจ้าพนักงานได้ยินเสียงสไลด์ปืน นิ้วขวาของจำเลยอยู่ในโก่งไกปืน เล็งไปที่ประตูห้องตลอดเวลา พร้อมพูดข่มขู่เจ้าพนักงานไม่ให้เข้าไปจับกุมตัว กระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องทำลายลูกบิดประตูเพื่อเข้าควบคุมตัวจำเลย ซึ่งพยานโจทก์ดังกล่าวล้วนเป็นเจ้าพนักงานที่ได้ปฏิบัติงานไปตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายมา โดยพฤติการณ์ของจำเลยที่ได้มีการเจรจากับเจ้าพนักงานผ่านโทรศัพท์ก็ย่อมรับรู้เเละเข้าใจถึงการปฏิบัติหน้าที่

ส่วนที่จำเลยต่อสู้อ้างว่า การค้นเเละจับเจ้าพนักงานไม่ได้เเสดงหมายนั้น "ศาล" เห็นว่าเมื่อได้มาถึงบ้านจำเลย เจ้าพนักงานก็ได้เเสดงหมายค้นเเละหมายจับให้ผู้ดูเเลบ้านจำเลยทั้ง 2 คนเห็นเเล้ว อีกทั้งภายหลังก็ได้มีทนายความได้ตรวจดูหมายเเล้ว การกระทำของเจ้าพนักงานดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นการค้นในที่รโหฐานโดยไม่ได้มีหมายค้นหรือคำสั่งศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ) มาตรา 92 เเละการจับนั้นก็เป็นไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 83 เเละมาตรา 65 แล้ว

โดยขณะเกิดเหตุ เมื่อจำเลยทราบถึงการตรวจค้น-จับกุมตัว ตามหมายศาลที่ออกโดยชอบเเล้ว ก็ควรที่จะออกมาพบกับเจ้าพนักงานในครั้งเเรกอย่างง่ายดาย เเต่จำเลยก็ไม่ออกมา แล้วยังกระทำการข่มขู่-ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ การกระทำของจำเลยคามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามฟ้องอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู้เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน , จำคุก 6 เดือนฐานเสพเมทเเอมเฟตามีน เเละ 3,4 เมทิลลีนไดออกซีเมทเอมเฟตามีน (ยาอี) เเละจำคุกอีก 1 ปี ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพข้อหานี้ลดโทษกึ่งหนึ่งคงเหลือ 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดเเล้วให้ลงโทษ 1 ปี 18 เดือน และให้บวกนับโทษอาญาคดีหมายเลขแดง อ.3705/2559 ของศาลอาญาที่ให้จำคุกอีก 1 ปี 3 เดือน (คดีร่วมกันทำร้าย น.ส.ชนกชล บุญเพ็ง หรือทอมบี สาวคนสนิทของ นาง วิภากร หรือกาน ศุขพิมาย อดีตภรรยาของจำเลยด้วย) กับคดีที่ตัดสินวันนี้ด้วย จึงเป็นโทษจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน โดยให้นับโทษของจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขเเดง 971/2561 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช คดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯด้วย (คดียิงปืนขึ้นฟ้าซึ่งศาลลงโทษจำคุกไว้ 5 วัน เเละปรับ 2,000 บาท ซึ่งคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์)

ทั้งนี้ สมควรให้รอการลงโทษจำเลยหรือไม่ "ศาล" พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยนั้นไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งศาลเคยให้โอกาสกลับตัวเป็คนดีในการรอลงอาญาคดีอื่นไว้แล้วแต่จำเลยยังมากระทำผิดซ้ำในช่วงเวลารอลงอาญาอีก ส่วนที่จำเลยอ้างป่วยเป็นโรคไบโพล่าขณะทำผิดนั้นเห็นว่าจากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ได้ช่วงเกิดเหตุ จึงแสดงว่าจำเลยรับรู้ผิดชอบได้ดี ไม่อ้างอาจภาวะป่วยดังกล่าวได้ จึงไม่สมควรให้รอลงอาญา

ภายหลัง "น.ส.อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์" หรืออีฟ ภรรยาของ "เสก โลโซ" ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี

โดยเมื่อเวลา 13.00 น. "นายสิทธิชัย เเซ่กี่" ทนายความของเสก โลโซ เปิดเผยว่าขณะนี้ศาลจังหวัดมีนบุรีได้มีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอประกันตัวไปให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาสั่งว่าจะให้หรือไม่ให้ประกัน โดยเราก็ได้เเจ้งยืนยันกับศาลว่าขอความเมตตาให้พิจารณาคำร้องโดยเร็ว ซึ่งตัวทนายความเเละนายประกันยังรอฟังคำสั่งอยู่ที่ศาลจังหวัดมีนบุรีนี้ กระทั่งเวลา 14.00 น.เศษ "นางกานต์ วิภากร " อดีตภรรยาของเสก โลโซ ก็ได้เดินทางมา พบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพื่อขอเข้าเยี่ยมอดีตสามี เป็นเวลา 2 นาทีระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ภายในห้องควบคุมใต้ถุนอาคารศาลซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนที่ราชทัณฑ์รับผิดชอบดูเเล แต่ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ก็ได้เเจ้งให้ "นางกานต์"ทราบว่าไม่สามารถให้เข้าเยี่ยมได้เนื่องจากตัวของนายเสก จำเลย ยังอยู่ในการควบคุม

ต่อมา "นางกานต์" เปิดเผยถึงความรู้สึกต่ออดีตสามีว่า หลังจากตื่นนอนทราบข่าวว่าเสก ถูกจำคุกโดยไม่รอลงอาญา ก็ได้รีบเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ เพราะเขายังมีอาการป่วยโรคซึมเศร้าเเละยังต้องกินยาอยู่ที่ผ่านก็ยังรักษาอาการอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันย้ายจาก รพ.สมเด็จเจ้าพระยาฯ มารักษาที่ รพ.วิชัยยุทธ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่เเล้วก็พึ่งไปพบเเพทย์ตามนัดจากปกติที่ต้องไปพบ 2 ครั้งต่อเดือน ขณะที่เมื่อวาน (24 ต.ค.) ก็ได้คุยกันถึงเรื่องที่ต้องมาศาลซึ่งเขาก็มีคดีอีกหลายคดีก็อาจจะทำให้เขาเครียดวิตกกังวลที่จะมีผลต่อโรคซึมเศร้าได้ตนเป็นห่วงจึงรีบเดินทางมา และจากที่ได้มองเห็นเขาในระยะไกลผ่านลูกกรงห้องควบคุมก็เห็นว่ามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เราเคยใกล้ชิดเขาเรามองดูเรารู้ว่าเขาค่อนข้างเครียด

ส่วนเรื่องเงินประกันไม่พอตนก็พร้อมจะช่วยสำรองจ่ายเเต่เท่าที่ทราบทนายได้ยื่นหลักทรัพย์ไปเเเบ้วเเละรอฟังผลอยู่ในเย็นวันนี้ ส่วนลูกๆ ตนยังไม่ได้บอกโดยตรงเเต่ก็คิดว่าพวกเขาจะทราบข่าวจากสื่อต่างๆ เช่นกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอย่างไรก็ดีระหว่างที่ "เสก โลโซ" ถูกควบคุมตัวอยู่ ญาติของอีฟภรรยา ก็ได้นำยารักษาอาการโรคซึมเศร้าที่ต้องกินตามเวลาต่อเนื่อง ให้กับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพื่อตรวจดูเเละให้นักร้องร็อกชื่อดัง ได้รับประทานพร้อมอาหารช่วง 12.00 น.ที่ผ่านมาด้วย