ตร.บุกค้นบ้าน "ประสิทธิ์" เจ้าพ่อตลาดหุ้น พบเอกสารสำคัญ เร่งตรวจสอบเอี่ยวโกงบิตคอยน์หรือไม่ ด้าน “พี่สาวบูม” หนีซบอกพันเอก หวังเจรจาขอประกันตัวหากมอบตัว
จากกรณีตำรวจกองปราบฯ บุกรวบตัวนักแสดง หนุ่ม "บูม-จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต" ขณะถ่ายละครในห้างดังย่านรัชโยธิน หลังพบพฤติกรรมลวงเด็กหนุ่มชาวฟินแลนด์ ให้ร่วมลงทุนในธุรกิจเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี่ สกุลบิตคอยน์ มูลค่าร่วม 800 ล้านบาท หลังจับกุมตำรวจกองปราบปรามได้นำตัวขออำนาจศาลฝากขัง ก่อนที่ศาลจะให้ประกันตัวในวงเงิน 2 ล้านบาท ขณะเดียวกันตำรวจกองปราบฯ อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับเพิ่ม หลังพบผู้เกี่ยวข้องอีกหลายรายทั้งคนในครอบครัวของนักแสดงหนุ่มและผู้กว้างขวางในวงการค้าหุ้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 ส.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างขยายผลทางคดีเพื่อหาความเชื่อมโยงของกลุ่มขบวนการโกงบิตคอยน์ หลังพบเส้นทางการเงินกับกลุ่มบุคคลหลายรายทั้งคนในครอบครัวของนักแสดงหนุ่มและผู้กว้างขวางในวงการตลาดหุ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานข้อมูลเส้นทางการเงิน และสำนักงานปปง.เพื่อตรวจสอบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปที่กลุ่มบุคคลใดบ้าง หากพบความเชื่อมโยงก็จะต้องเชิญตัวมาสอบปากคำตามขั้นตอน
ทั้งนี้ในส่วนการดำเนินการชุดสืบสวนสอบสวนได้แบ่งออกเป็นสองความผิด ในส่วนแรกอยู่ระหว่างการตรวจสอบพฤติการณ์ทางคดีในการหลอกลวงผู้เสียหายให้ได้มาด้วยทรัพย์ ซึ่งในส่วนนี้จะต้องดำเนินการในฐานควาผิด "ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์" และอีกส่วนคือตรวจสอบในข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานและเส้นทางการเงินว่าไปปรากฏ หรือยักย้ายถ่ายเท หรือนำไปเล่นแร่แปรธาตุเป็นทรัพย์สินอื่นใด หรือโอนทรัพย์ไปที่กลุ่มบุคคลใด ซึ่งในส่วนนี้ก็จะเข้าข่ายฐานความผิด "ร่วมกันฟอกเงิน"
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนหน้านี้ชุดสืบสวนได้เข้าค้นบ้านของกลุ่มผู้ต้องหา รวมทั้งบ้านของนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ บุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งได้นำเอกสารมาตรวจสอบ โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้ชุดสืบสวนพบพฤติกรรมของขบวนการนี้ว่าได้มีการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มา โดยนายปริญญา พี่ชายของผู้ต้องหา และนายบูมผู้ต้องหาได้นำเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายไปจดทะเบียนซื้อฝาก-ขายที่ดินรวม 14 แปลง มูลค่ากว่า 176,220,000 บาท ในหลายพื้นที่ ทั้งในกทม. นนทบุรี , จ.ชลบุรี เป็นต้น
นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบข้อมูลบริษัท เอ็กเพย์ ซอฟแวร์ จำกัดผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยเบื้องต้นพบว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 26 พย.2557 ทุนปัจจุบัน 2 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 251/420 หมู่ที่ 12 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แจ้งประกอบธุรกิจจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ โดยปรากฎชื่อ นาย อเล็กซี่ เว็กแมน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 28 กันยายน 2560 นาย ชาคริส อาห์มัด ถือหุ้นใหญ่ 50% วงเงิน 1,000,000 บาท นาย ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ 25% 500,000 บาท นาย อาร์นี่ โอทาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ 20% 400,000 บาท นางสาว ชนนิกานต์ แก้วกาสี 5 % 100,000 บาท บริษัทฯ นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ 31 ตุลาคม 2560 แจ้งว่า มีรายได้รวม 1,661,848 บาท รวมรายจ่าย 1,299,612 บาท กำไรสุทธิ 355,936 บาท
นอกจากนี้ยังพบว่าที่อยู่เลขที่ 251/420 หมู่ที่ 12 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ขณะเดียวกันที่ตั้งของบริษัทดังกล่าวยังเป็นที่ตั้งเดียวกับบริษัทเอกชนอีกแห่งหนึ่ง คือ บริษัท เอ็กซ์เพย์ กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2557 ทุน 2,000,000 บาท แจ้งประกอบธุรกิจ ขายสินค้าเครื่องไฟฟ้าทางอินเตอร์เน็ตปรากฎชื่อ นายอเล็กซี่ เว็กแมน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 27 กรกฎาคม 2560 บริษัท เอ็กเพย์ ซอฟแวร์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 49% 980,000 บาท บริษัท เอ็นเอ็กซ์เชน อินคอปอเรเต็ด จำกัด 47% 940,000 บาท นาย ชาคริส อาห์มัด 4% 80,000 บาท อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่านายอเล็กซี่ เว็กแมน เป็นใครและมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการนี้หรือไม่ เนื่องจากมีชื่อปรากฏในกรรมการผู้มีอำนาจ
ในส่วนของการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ มีรายงานว่าชุดสืบสวนกองปราบปรามอยู่ระหว่างการติดตามตัว น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาวนายจิรัชพิสิษฐ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีเดียวกัน หลังพบพบรถยนต์ของ จอดทิ้งไว้ที่แฟลตทหารย่านดินแดง ซึ่งล่าสุดแนวทางการสืบสวนพบว่า น.ส.สุพิชฌาย์ ได้วิ่งเข้าหานายทหารบกคนหนึ่งยศ “พันเอก” เพื่อให้ความคุ้มครองและใช้ช่วยเจรจากับตำรวจกองปราบฯ เพื่อขอประกันตัวในชั้นสอบสวนหากมีการมอบตัว อย่างไรก็ตามแนวทางของพนักงานสอบสวนจะต้องนำตัวส่งศาลและให้ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลอาญา โดยให้อยู่ในดุลพินิจของศาลเหมือนกับ นายจิรัชพิสิษฐ์
ในส่วนของนายปริญญาพี่ชายนายจิรัชพิสิษฐ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีเดียวกัน ตรวจสอบพบว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนั่งเครื่องบินไปต่อเครื่องที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นห้วงเวลาเดียวกับที่ศาลจะออกหมายจับ และมีกำหนดการเดินทางกลับในช่วงเดือนกันยายน อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนกองปราบปรามอยู่ระหว่างการประสานงานกับทางการสหรัฐอเมริกาในการเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ต่อไป