เพิ่ม 3 สิทธิประโยชน์บัตรทอง

เพิ่ม 3 สิทธิประโยชน์บัตรทอง

บอร์ดสปสช.มีมติเพิ่มสิทธิประโยชน์ยา-วัคซีน 3 รายการให้ผู้ใช้สิทธิ์บัตรทองกว่า 48 ล้านคน

วานนี้(2ก.ค.) คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.)ที่มีศ.คลินิก เกียรติคุณนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.)เป็นประธาน มีมติเห็นชอบการเพิ่มสิทธิประโยชน์ วัคซีนและยา จำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1.วัคซีนรวม 5 ชนิดคอตีบบาดทะยักไอกรนไวรัสตับอักเสบบีและโรคจากเชื้อฮิโมฟิลุส อินฟลูเอนซา ( Haemophilus influenza) สายพันธุ์ บี 2.ยาราลเทกราเวียร์(Raltegravir) และ3.ยาบีวาซิซูแมบ(Bevacizumab) ให้กับผู้ใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า(บัตรทอง)จำนวน 48.575 ล้านคน เริ่มในปีงบประมาณ 2562 รวมทั้ง มีมติเห็นชอบประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ2562

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า วัคซีนรวม 5 ชนิด ป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดอักเสบ ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบ ข้ออักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และฝีในสมอง ที่เกิดจากเชื้อไวรัสฮิโมฟิลุส อินฟลูเอนซา สายพันธุ์ บี ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งหากให้วัคซีนนี้จะมีผลกระทบงบประมาณที่ระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐทั้ง 3 กองทุนต้องจ่ายราว 15.98 ล้านบาท แต่ทำให้สามารถลดภาระงบประมาณเดิมจากข้อมูลผู้ป่วยในเฉพาะสิทธิ์บัตรทองที่มีภาระค่ารักษาประมาณ 73.27 ล้านบาท ส่วนยาราลเทกราเวียร์ ใช้สำหรับป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี จากมารดาสู่ทารกในหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีสู่ทารก ซึ่งคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทองที่ต้องรับยา 693 รายและถ้าได้รับยาจากเดิมจะมีอัตราการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี สู่ทารก 7.6 % หรือ 53 ราย จะลดลงเหลือ 3.9 %หรือ 27 รายมีค่าใช้จ่ายยา 6,792.80 - 10,189.2 0 บาทต่อคนต่อคอร์ส และยาบีวาซิซูแมบ ใช้สำหรับโรคหลอดเลือดดำในจอตาอุดตัน ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาประมาณ 10,800 รายได้รับการฉีดยาบีวาซิซูแมบ เฉลี่ย 4 ครั้งต่อคนต่อปี คิดเป็น26.193 ล้านบาทต่อปี