ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี!! 1 มิ.ย.-31 ส.ค.นี้

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี!! 1 มิ.ย.-31 ส.ค.นี้

"สปสช.-กรมควบคุมโรค" ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ทุกสิทธิ กับ "7 กลุ่มเสี่ยง" ผ่านจุดบริการรัฐ-เอกชน เตรียมไว้สูงสุด 3.5 ล้านโด๊ส

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 61 กรมควบคุมโรค และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงทุกสิทธิการรักษา ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี 3.5 ล้านโด๊ส เริ่ม 1 มิ.ย.นี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่ วัคซีนฉีดฤดูกาลใหม่ ครอบคลุมสายพันธุ์แพร่ระบาดตามคำแนะนำองค์การอนามัยโลก

โดย "นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา" เลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคพบบ่อยในทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่กลุ่มเด็กเล็กจนถึงผู้สูงอายุ และเป็นโรคที่เกิดได้ตลอดปี แต่จะระบาดมากในฤดูฝน ซึ่งอาการป่วยนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพ ต้องให้หยุดพักเพื่อรักษาตัว ขณะที่ในกลุ่มเสี่ยงมีภูมิต้านทานน้อย อาจมีอาการแทรกซ้อนด้วย และบางรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ทั้งนี้จากรายงานเฝ้าระวังโรค โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคปี 2560 นั้น พบผู้ป่วย 196,765 ราย เสียชีวิต 55 ราย ซึ่งสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง โดยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังจากปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -31 มี.ค.61 พบผู้ป่วย จำนวน 29,324 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ A (H1N1), A (H3N2) และสายพันธุ์ B

อย่างไรก็ดีในปี 2561 นี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ 'สปสช.' ได้เตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฤดูกาลใหม่ไว้แล้ว 3.5 ล้านโด๊ส ร่วมกับ 'กรมควบคุมโรค' กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการ เพื่อฉีดให้กับประชาชนทุกสิทธิ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติกำหนด คือหญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป , เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี , ผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หืด ไตวาย หลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน , ผู้สูงอายุที่อายุ 65 ปีขึ้นไป , ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ , โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ , โรคอ้วน หรือผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (>100 กก./ BMI>35 kg/m²) ซึ่งประชาชนทั้ง '7 กลุ่มเสี่ยง' สามารถเข้ารับวัคซีนได้ที่หน่วยบริการรัฐและเอกชนภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป ถึงวันที่ 31 ส.ค. หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด

โดยเป็นวัคซีนดังกล่าว ผลิตจากเชื้อตาย 3 สายพันธุ์ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ซึ่งพบการระบาดมากในประเทศไทยและทั่วโลก ประกอบด้วยไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H1N1) เป็นสายพันธุ์เดิมมิชิแกน , ชนิด A (H3N2) เป็นสายพันธุ์ใหม่สิงคโปร์แทนฮ่องกง ใกล้เคียงกับสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยถึงร้อยละ 87.50 และไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B สายพันธุ์ใหม่ ยามากะตะ/ภูเก็ต แทนวิคตอเรีย/บริสเบน เป็นสายพันธุ์ที่พบร้อยละ 95.14 ในกลุ่มผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ในไทย (ข้อมูลจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ณ 30 เม.ย.61)

"วัคซีน ที่เตรียมฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงฤดูกาลใหม่นี้ เป็นวัคซีนเชื้อตายที่ได้ผลดี ไม่มีปัญหากลายพันธุ์และมีความปลอดภัย ใช้ในประเทศไทยมากว่า 10 ปีแล้ว ทั้งคุ้มค่ากว่าวัคซีน 4 สายพันธุ์ที่เพิ่งมีการให้บริการฉีดในภาคเอกชน โดยเพิ่มสายพันธุ์ชนิด B/วิคตอเรีย ซึ่งองค์การอนามัยโลกระบุว่าพบน้อยที่สุด มีความชุกเพียงร้อยละ 5 ดังนั้นในด้านประสิทธิภาพความครอบคลุมระหว่างวัคซีน 3 สายพันธุ์และ 4 สายพันธุ์ ทางการแพทย์ถือว่ามีความใกล้เคียง ไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีน 4 สายพันธุ์ที่มีราคาสูงกว่า 2-3 เท่า" เลขาธิการ สปสช.กล่าวย้ำ

"นพ.ศักดิ์ชัย" กล่าวอีกว่า การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีน มีผลช่วยป้องกัน ได้ร้อยละ 60-70 ดังนั้นการดูแลตนเองด้วยการหลีกเลี่ยงหรือป้องกันตนเอง จากการสัมผัสผู้ที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ , การทำร่างกายให้แข็งแรง , กินอาหารที่เอื้อต่อสุขภาพ และล้างมือให้สะอาด ยังเป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป