เรดไดมอนด์ สังคมของคนรักกาแฟ

 เรดไดมอนด์ สังคมของคนรักกาแฟ

กลิ่นกาแฟหอมๆกับเสียงเพลงดังๆในแนวโอลด์สคูล ฮิปฮอป คือ สัมผัสแรกที่รับรู้ยามเข้าไปเยือนข้างใน

เรดไดมอนด์เป็นร้านกาแฟที่ไม่เหมือนร้านกาแฟทั่วไป แน่นอนว่ามีมุมให้เรานั่งปล่อยใจไปกับรสชาติของกาแฟ แต่เชื่อเถอะเมื่อเข้ามาในนี้แล้วคุณจะไม่อยากไปนั่งเงียบๆคนเดียว เพราะที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องราวของกาแฟแทรกอยู่ทุกอณู

เราเดินผ่านส่วนหน้าที่ร้านที่ออกแบบให้มีบรรยากาศราวกับนั่งอยู่ในโรงคั่วกาแฟ นอกเหนือจากกาแฟนานาชนิดที่จัดเก็บเรียงรายแล้ว มุมด้านหนึ่งนิโคลัส ฮอล์ ผู้เชี่ยวชาญในการคั่วกาแฟลูกครึ่งแอฟริกาใต้-อังกฤษ กำลังมุ่งมั่นอยู่กับการคั่วเมล็ดกาแฟ

ถัดมาเป็นเคาน์เตอร์ชงกาแฟซึ่งตั้งอยู่บนยกพื้น มองเห็นเครื่องชงกาแฟรูปร่างแปลกตา นอกเหนือจากดูทันสมัยแล้ว ยังเป็นพื้นที่ซึ่งผู้มาเยือนได้เห็นการทำงานของเครื่องชงกาแฟได้อย่างใกล้ชิด แล้วบทสนทนาระหว่างบาริสต้ากับผู้มาเยือนก็เริ่มต้นขึ้น

“เครื่องชงกาแฟของเราเป็นแนวใหม่ เรียกว่า สตรีมพังก์ (Steampunk) ราคาเป็นล้าน ออกแบบให้ไม่มีอะไรกั้นระหว่างคนชงกับคนดื่ม เพราะร้านเราไม่ได้ทำกาแฟให้คุณดื่มอย่างเดียว เรายังให้ความรู้ด้านกาแฟกับคุณด้วย” วู้ดดี้-ศราวุธ เปรมจิต ผู้ก่อตั้งเรดไดมอนด์ และบริษัท Intercof ผู้ผลิตจำหน่ายกาแฟและอุปกรณ์ครบวงจร ทั้งยังได้รับประกาศนียบัตรรับรองการสอนคั่วกาแฟจากสถาบัน SCAA (Specialty Coffee Association of America) และ SCAE (Specialty Coffee Association of Europe) เล่า

“ผมกับนิค (นิโคลัส ฮอว์) มีอาจารย์สอนคั่วกาแฟที่เกาหลีคนเดียวกัน ทำให้เราสนิทกัน อินเตอร์คอฟ นอกจากจะมีทั้งกาแฟ อุปกรณ์แล้ว เรายังโรงเรียนสอนวิธีการคั่ว การชงกาแฟ ซึ่งผมและนิคเป็นอาจารย์อยู่ด้วย ในเมื่อเรามีอุปกรณ์พร้อมมือ เราจึงอยากเปิดร้านที่เป็น speciality

จุดเด่นของเรานอกจากเครื่องชงที่ทันสมัยแล้ว เราให้เลือกเมนูที่จะดื่มก่อน แล้วเลือกเมล็ด มีให้เลือกสัปดาห์ละ 24 ชนิดจาก 60 ชนิดโดยจะหมุนเวียนกันไป เพื่อให้นักชิมได้ดื่มกาแฟไม่ซ้ำกัน เลือกเมล็ดแล้วให้เลือกกระบวนการด้วยว่าจะเป็นแบบธรรมชาติ ซึ่งจะให้รสที่เปรี้ยวหน่อย มีกลิ่นผลไม้ หรือว่าจะผ่านการล้างสะอาดก่อนนำมาตากให้แห้งตัวนี้จะเหมาะสำหรับคนไม่ชอบกาแฟรสออกเปรี้ยว ” วู้ดดี้ อธิบายว่ากาแฟร้านเราดูเหมือนจะยากหน่อยๆ แต่พนักงานเราต้องเข้าใจและสนุกกับการอธิบาย การรับออเดอร์จึงใช้เวลานานสักหน่อย

“พนักงานแต่ละคนไม่ว่าจะเคยทำงานมาจากที่ไหน ต้องเริ่มต้นใหม่หมด บาริสต้าที่นี่ไม่มีผ้ากันเปื้อน คนที่ใส่ผ้ากันเปื้อนถือเป็นน้องใหม่ ถ้าผ่านหลักสูตรการเป็นบาริสต้าของที่นี่จะได้รับถุงมือสีดำ แต่ละคนมีแคแรกเตอร์เป็นของตัวเองแต่งตัวตามสบาย” วู้ดดี้กล่าว

สนนราคาของกาแฟที่นี่ถือว่าสูงกว่าร้านกาแฟทั่วไป กาแฟชงจากเครื่อง The high-tech Mavam espresso machine สำหรับชงเอสเพรสโซ่ มัคคิเอโต ลองแบล็ค และคาปูชิโน่ ราคาอยู่ที่ 120- 130 บาทส่วนกาแฟชงแบบดริป หรือ ไซฟ่อน ราคาแก้วละ 120 -150 บาท

ส่วนกาแฟที่ชงด้วยเครื่อง Alpha Dominche Steampunk อยู่ที่แก้วละ 150-165 บาท รายละเอียดวิธีชง รวมถึงการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์กาแฟ รวมไปถึงกระบวนการนั้น ดูเหมือนซับซ้อนแต่นี่แหละคือ “เงื่อน”ที่วูดดี้และนิคตั้งใจผูกไว้เพื่อให้เกิด “ความอยากรู้”และเพิ่มบทสมทนาที่ไม่รู้จบระหว่างผู้ดื่มและผู้ชง

ยิ่งถ้าอยากจะรู้เรื่องกาแฟลึกๆกับนิค อาจารย์แห่งสำนักเรดไดมอนด์ เขาเปิดเคาน์เตอร์พิเศษที่ชั้นบนสำหรับเมนู”บุฟเฟ่ต์”ในราคา 500 บาท ซึ่งนิคจะเป็นคนชงกาแฟ 4 แก้วให้พิเศษสำหรับคุณ หลังจากได้พูดคุยถึงรสนิยมกาแฟในแบบของคุณ

“บาริสต้าที่ดีควรเข้าใจความต้องการของลูกค้า กาแฟที่ดีขึ้นอยู่กับเวลา องค์ประกอบของรสชาติ เราไม่ได้แค่ชงกาแฟ แต่เรามอบประสบการณ์ที่มีความสุขให้กับเขาด้วยกาแฟที่มีคุณภาพ” นิค บอกกับเรา

เรดไดมอนด์ สำหรับเราไม่ใช่ร้านกาแฟ แต่เป็นสังคมกาแฟที่เอื้ออาทรกันระหว่างผู้มาเยือนกับบาริสต้าที่เล่าเรื่องกาแฟได้สนุก และรอบรู้เรื่องกาแฟอย่างจริงจัง

มาที่นี่อย่าถามหาอาหาร มีเพียงครัวซองค์ที่ให้เรากินคู่กับกาแฟเพียงอย่างเดียว เท่าที่สังเกตผู้คนรอบตัวก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่าถ้ารักจะรู้เรื่องกาแฟแล้วล่ะก็เบื้องหลังประตูเหล็กๆหนาหนักมีบทสนทนาว่าด้วยกาแฟที่คุยกันได้ไม่รู้จบเลยทีเดียว

หมายเหตุ : เรดไดมอนด์ อยู่ปากซอยถนนประชาสงเคราะห์ (เลียบทางด่วนเอกมัย -รามอินทรา) มีที่จอดรถตรงข้ามร้าน เปิดทุกวัน 11.00 -19.00 น. โทร. 08 5044 2662