แฮร์โทนิคข้าวดำ วิทย์ฯเพิ่มค่าธรรมชาติ

แฮร์โทนิคข้าวดำ วิทย์ฯเพิ่มค่าธรรมชาติ

บัณฑิตแม่ฟ้าหลวงต่อยอดองค์ความรู้จากงานวิจัยสู่ธุรกิจเครื่องสำอางธรรมชาติ พบสารสำคัญจากข้าวเหนียวดำมีสรรพคุณรักษาผมร่วงและกระตุ้นผมงอกใหม่

บัณฑิตแม่ฟ้าหลวงต่อยอดองค์ความรู้จากงานวิจัยสู่ธุรกิจเครื่องสำอางธรรมชาติ พบสารสำคัญจากข้าวเหนียวดำมีสรรพคุณรักษาผมร่วงและกระตุ้นผมงอกใหม่ เดินหน้าสกัดเป็นวัตถุดิบป้อนผู้ประกอบการที่สนใจ หวังลดการพึ่งพายาและเคมีภัณฑ์จากต่างประเทศ


ในปัจจุบันธุรกิจเครื่องสำอางเติบโตอย่างต่อเนื่องและแพร่หลายขึ้นทั้งในกลุ่มผู้หญิงและผู้ชาย ทั้งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มาก ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วไปมีส่วนประกอบทางเคมีทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากสารสกัดธรรมชาติได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ข้อจำกัดของสารสกัดธรรมชาติคือ สลายตัวได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อสัมผัสแสงแดด ความร้อนหรือในสภาวะเป็นด่าง ซึ่งส่งผลต่อลักษณะทางกายภาพและประสิทธิภาพ


ดังนั้น ทีมวิจัยจึงคิดค้นกรรมวิธีการเตรียมสารสกัดธรรมชาติจากข้าวเหนียวดำให้อยู่ในรูปแบบสารประกอบเชิงซ้อน ทำให้มีความคงตัวต่อแสง ความร้อนและในสภาวะต่างๆ พร้อมทั้งยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการเจริญของเซลล์รากขน จากการทดสอบพบประสิทธิภาพดีกว่าตัวยาที่ใช้ในท้องตลาด 2 เท่า สามารถนำมาผลิตเป็นเครื่องสำอางประเภทตกแต่ง เช่น มาสคาร่า อายไลน์เนอร์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์รักษาผมร่วงและกระตุ้นผมงอกใหม่ ที่สำคัญคือ ผ่านการทดสอบในอาสาสมัครแล้วว่า ไม่ก่อให้เกิดการแพ้

ข้าวเหนียวดำกระตุ้นเซลล์รากผม


นางสาวอนงค์นุช ต๊ะคำ กรรมการผู้จัดการบริษัท คอสเมเฮลท์ แชนเนล จำกัด เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์รักษาผมร่วงและกระตุ้นผมงอกใหม่จากสารประกอบเชิงซ้อนข้าวเหนียวดำ ที่พัฒนาต่อยอดองค์ความรู้จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ได้รับรางวัลชมเชยระดับอุตสาหกรรม รางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2560 โดยมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
ขณะเรียนปริญญาโทที่สำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง

เธอวิจัยพบว่า ในข้าวเหนียวดำมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์กระตุ้นเซลล์รากผมและรักษาผมร่วง แต่สารสกัดธรรมชาติมีข้อด้อยคือ สลายตัวง่ายเมื่อสัมผัสแสงแดดและความร้อน จึงร่วมกับเพื่อนนักศึกษาคิดค้นวิธีทำให้สารสกัดจากข้าวเหนียวดำมีความคงตัวสูง กระทั่งยื่นจดอนุสิทธิบัตรได้สำเร็จ ต่อมาเมื่อสำเร็จการศึกษาจึงตั้งบริษัทแล้วยื่นขออนุญาตใช้สิทธิ์ผลงานทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าว โดยนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมจากสารสกัดธรรมชาติ สามารถใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคมีได้


“จากการทดสอบพบว่า ผลิตภัณฑ์จากข้าวเหนียวดำ แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุด้วยการกระตุ้นเซลล์รากผมใหม่ นอกจากเหมาะที่จะใช้กับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงบางแล้ว ยังรวมถึงผู้ที่ต้องการบำรุงรักษาเส้นผม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง ผ่านการพัฒนาให้มีคุณสมบัติเทียบเท่าผลิตภัณฑ์นำเข้า หลังจากทดลองใช้ 3-4 สัปดาห์จะเห็นผลชัดเจนขึ้น” นางสาวอนงค์นุช กล่าว ผลิตภัณฑ์นี้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวเหนียวดำจากกิโลกรัมละ 40 บาทเป็น 6 หมื่นบาทเมื่อทำเป็นสารประกอบโลหะเชิงซ้อนหรือสารสกัดธรรมชาติที่มีความคงตัวสูง นอกจากผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผมแล้ว บริษัทยังต่อยอดสารสกัดข้าวเหนียวดำให้เป็นเครื่องสำอางกลุ่มมาสคาร่าและอายไลเนอร์สีดำ รวมถึงผลิตภัณฑ์กระตุ้นให้ผมใหม่งอกขึ้นใหม่เป็นสีดำ


มุ่งสู่สถาบันสุขภาพเส้นผม


ทั้งนี้ คนเอเชียมักมีปัญหาผมร่วงบาง ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุด ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นยาอาจเกิดผลข้างเคียงเมื่อใช้ติดต่อระยะเวลานานและมีราคาแพง จึงเป็นโอกาสที่จะนำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับผู้ที่มีปัญหาเส้นผม ขณะเดียวกันก็เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติซึ่งอยู่ในความนิยมของผู้บริโภค


“6 เดือนที่ผ่านมามียอดขายกว่า 2,000 ชุด คิดเป็นมูลค่า 3 ล้านบาท จากการจำหน่ายผ่านออนไลน์และตัวแทนจำหน่าย ที่สำคัญมีการซื้อซ้ำมากกว่า 50% จากลูกค้าที่เข้ามาซื้อครั้งแรก คาดว่ายอดขายสิ้นปีนี้จะถึง 5 ล้านบาทและเพิ่มเป็น 15 ล้านบาทปีหน้า” นางสาวอนงค์นุช กล่าว
นอกจากนี้จะจำหน่ายสารสกัดข้าวเหนียวดำให้เป็นวัตถุดิบสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ เพื่อทดแทนการนำเข้าผลิตภัณฑ์หรือสารรักษาผมร่วงที่มีราคาแพงจากต่างประเทศ เนื่องจากในไทยยังไม่มีสารสกัดประเภทนี้จำหน่าย
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของบริษัท คือการเป็นสถาบันที่ปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพเส้นผมแบบครบวงจร โดยการคิดค้นและพัฒนาองค์ความรู้ที่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีการง่ายๆ อาทิ การคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่ช่วยรักษาผมร่วงและกระตุ้นผมงอกใหม่ ทดแทนการปลูกผม การกินยาที่มีผลข้างเคียงสูง หรือใช้วิธีรักษาที่ซับซ้อน แต่สามารถแก้ปัญหาได้จริง