จบแล้ว!! 'วัฒนา' ยุติตามหาหมุดคณะราษฎร

จบแล้ว!! 'วัฒนา' ยุติตามหาหมุดคณะราษฎร

"วัฒนา" ขอยุติตามหาหมุดคณะราษฎร หลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาปอท. ยัน "หมุดคณะราษฎร" เป็นโบราณวัตถุ ระบุไม่ใช่หน้าที่กรมศิลป์ตัดสิน

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นายวัฒนา เมืองสุข อดีตสภาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา กรณีโพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คว่า หมุดคณะราษฎรที่ติดตั้งที่ลานพระบรมรูปทรงม้าว่าเป็นโบราณวัตถุ ให้คนไทยเรียกร้องทวงคืนซึ่งเป็นเท็จทำให้ประชาชนบางส่วนเข้าใจผิด ออกมาเคลื่อนไหว เข้าข่ายยุยงปลุกปั่น

โดยนายวัฒนา กล่าวก่อนรับทราบข้อกล่าวหาว่า ในเบื้องต้นตนได้รับทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ จากที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้นว่า จะแจ้งข้อกล่าวหากับตนในกรณีดังกล่าว ในวันนี้ตนเลยได้เดินทางมาที่ปอท. ด้วยตนเองไม่มีใครออกหมายเรียก เพื่อจะสอบถามกับพนักงานสอบสวนว่าจะแจ้งข้อหาตนด้วยข้อหาอะไร เพราะถ้าหายไปเดี๋ยวจะหาว่าหลบหนี จึงเดินทางมาหาเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกหมายเรียกให้เปลืองงบราชการ

"เมื่อเช้าผมเพิ่งอ่านบทความที่นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านได้ให้ความเห็นว่ามันเป็นโบราณวัตถุ ซึ่งนักวิชาการก็มีความเห็นแบบเดียวกันหลายคน ถ้าความเห็นทางวิชาการเป็นความเท็จก็ไปตามจับมาให้ครบถ้าเกิดดำเนินคดีผมคนเดียว ผมจะฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งหมดเลย" นายวัฒนา กล่าว

นายวัฒนา กล่าวต่อว่า ตนขอเข้าไปดูก่อนว่าพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาอะไรเพราะตนไม่อยากคาดเดา อยากให้เอาข้อเท็จจริงมาพูดกันว่าเขากล่าวหาอย่างไรแต่เท่าที่ได้ฟังนั้นค่อนข้างตลก เพราะว่าการแสดงความคิดเห็นมันเป็นความผิด แล้ววันหนึ่งสื่อก็จะติดคุกด้วย เพราะว่าไม่สามารถจะแสดงความคิดเห็นอะไรได้

ทั้งนี้ภายหลังการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 30 นาที นายวัฒนา ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกครั้ง โดยกล่าวว่า ได้ชี้แจ้งถึงเจตนาในการโพสข้อความทางเฟสบุ๊คทั้งหมดต่อพนักงานสอบสวนแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ให้กลับไปเขียนคำชี้แจ้งทั้งหมดภายใน 30 วัน ขณะเดียวกันยืนยันว่าสิ่งที่ตนเองโพสนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นเชิงข้อเท็จจริงเท่านั้น ซึ่งเรื่องทั้งหมดเป็นความเห็นของผู้มีอำนาจมองว่าหมุดคณะราษฎรไม่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งการจะมีหรือไม่มี ไม่มีใครสามารถชี้ชัดได้แม้ก่อนหน้านี้กรมศิลปากรออกมาระบุว่าหมุดคณะราษฎรไม่ใช้โบราณวัตถุตามพ.ร.บ.โบราณสถานและโบราณวัตถุ ซึ่งหน้าที่ของกรมศิลปากรไม่ได้มีหน้าที่ออกมาชี้ชัดว่าสิ่งไหนใช่หรือไม่ใช่โบราณวัตถุ แต่มีหน้าที่พิทักษ์รักษาและดูแลเท่านั้น

นายวัฒนา ยืนยันว่าจะไม่ฟ้องกับพนักงานสอบสวนเพราะเห็นว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมฝากผู้ที่ออกคำสั่งว่าก่อนจะสั่งการหรือเอาผิดใครควรจะศึกษาข้อมูล หรือหาผู้ที่รู้ข้อมูลจริง โดยควรออกมาเผชิญหน้าด้วยตัวเอง อย่าสั่งการอยู่เบื้องหลังเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติถ้าไม่ยืดมั่นหลักคุณธรรมจริยธรรม ประชาชนก็จะใช้เป็นที่พึ่งไม่ได้โดยคำสั่งที่มาดำเนินคดีตนเองทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเสื่อมเสีย และตกต่ำ พร้อมยืนยันว่าตนคือคนจริงไม่กลัวใคร

นายวัฒนา ยังกล่าวอีกว่า จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวหรือตามหาหมุดคณะราษฎรอีกแล้ว โดยเรื่องทั้งหมดจะจบเท่านี้ ส่วนใครจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างไรก็เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้