กสิกรชี้สินเชื่อฟื้นยืนเป้าโต 5%

กสิกรชี้สินเชื่อฟื้นยืนเป้าโต 5%

กสิกรชี้สินเชื่อฟื้นยืนเป้า "โต 5%" ปรับกลยุทธ์ผนึกเมืองไทยประกันลุยแบงก์แอสชัวรันส์เพิ่ม

กสิกรไทยเผยภาพรวมตลาดสินเชื่อเริ่มฟื้น มั่นใจยอดปล่อยกู้ปีนี้เติบโต 4.5-5% แต่ยังระวังหนี้เสียไต่ระดับ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัวโตเท่าปี 59 ที่ระดับ 4-5% รุกปรับกลยุทธ์ผนึกบริษัทในเครือ “เมืองไทยประกันชีวิต” ลุยแบงก์แอสชัวรันส์ ส่งแบบประกันออมเงินระยะสั้น เจาะกลุ่มระดับกลาง แถมปฏิบัติตามเกณฑ์การขายเคร่งครัด ยืนยันไม่เคาะประตูขายถึงบ้าน เหตุไม่คุ้มต้นทุน

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้น จากการบริโภคเริ่มฟื้นกลับมา แม้ว่าลูกค้ายังคงระมัดระวังการใช้จ่ายและเบิกถอน ในส่วนของธนาคารพยายามรักษาเป้าหมายปล่อยสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่เติบโต 4.5-5% โดยในไตรมาสหลังจากนี้ คาดว่าน่าจะมีลูกค้ารายใหญ่เริ่มทยอยเบิกใช้สินเชื่อมากขึ้น

“ปัจจุบันพบว่าตลาดบัตรเครดิตเริ่มมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯเข้ามาเรื่อยๆ สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น” นางสาวขัตติยากล่าว

ด้านภาพรวมหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ประเมินว่า ยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากของเดิมในอดีต โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งยังต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติจนน่าตกใจ โดยธนาคารยังดูแลอย่างใกล้ชิดทำให้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ส่วนการให้บริการโอนและรับโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์นั้น ก็คาดว่าไม่น่าจะกระทบรายได้ค่าธรรมเนียมมากนัก และไม่น่ากังวลแต่อย่างใด

นางสาวขัตติยากล่าวว่า ธนาคารคาดว่ารายได้จากการขายประกันและกองทุนรวมปีนี้น่าจะเติบโตใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมาที่ 4-5% ขณะที่การเติบโตของธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ปีนี้ คาดว่าน่าจะเติบโตน้อยกว่าช่วงปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 14% ส่วนปีนี้น่าจะเติบโตประมาณ 8-10% เป็นผลมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจไม่เอื้อมากนัก ทำให้ในส่วนของธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ร่วมกับบริษัทประกันในเครืออย่างกลุ่มเมืองไทยประกัน ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายและสภาพตลาดปัจจุบันมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจกองทุน ยังมีแนวโน้มเติบโตตามตลาดหุ้น

“แผนธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ของธนาคารในปีนี้ จะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางมากขึ้น ที่อาจมีเงินเหลือไม่มากและต้องการออมเงิน ด้วยการพัฒนาแบบประกันออมทรัพย์ระยะสั้นกว่าเดิม มานำเสนอขาย โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี จากเดิมเน้นระยะยาว 10-20 ปี แต่แบบประกันใหม่ดังกล่าว ยังสามารถให้ผลตอบแทนใกล้เคียงระดับเดิมได้ และแน่นอนว่า ยังให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก ทำให้สามารถตัดสินใจได้ง่าย” นางสาวขัตติยากล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะหันมาเน้นขายผลิตภัณฑ์ประกันการออมมากขึ้น แต่ธนาคารยังคงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การขายประกันผ่านธนาคารอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ทั้งนี้ธนาคารจะระมัดระวังในมุมมองของลูกค้าอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจนมีข้อร้องเรียนตามมาดังนั้น การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับกลาง จะเน้นใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และคอลล์เซ็นเตอร์เป็นหลักในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อตรงตามความต้องการแท้จริง โดยที่ลูกค้าจะต้องมาซื้อประกันที่สาขาของธนาคารเท่านั้น

“การที่พนักงานธนาคารจะไปเคาะประตูขายประกันถึงบ้าน จึงไม่สามารถปฏิบัติได้ และวิธีการเช่นนั้นกับกลุ่มคนระดับกลาง เบี้ยประกันไม่สูง มองว่า ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย” นางสาวขัตติยากล่าว

นอกจากนี้ แนวทางหารายได้เพิ่มขึ้น ธนาคารต้องประหยัดค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผน ด้วยการนำเทคโนโลยีมากใช้ในกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ของธนาคาร และทยอยรวมสาขาหรือปิดสาขาที่ไม่มียอดขาย เพราะปัจจุบันการใช้บริการหรือการทำธุรกรรมของลูกค้าผ่านโมบายแบงกิ้งมีอัตราการขยายตัวขึ้นมาก