9 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ‘เอ็มไอไฟว์’

“เอ็มไอไฟว์”(MI5) กลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้งตามพาดหัวข่าวทั่วโลก เมื่อออกมาเตือนหลังเกิดเหตุดังกล่าวว่าอังกฤษยังคงเสี่ยงที่จะเผชิญกับการก่อการร้ายในระดับ “รุนแรง” ซึ่งสูงสุดอันดับ 2 รองจากระดับ “วิกฤติ”
หลังเกิดเหตุโจมตีสะเทือนขวัญกลางกรุงลอนดอนของอังกฤษเมื่อวันพุธ (22 มี.ค.) ทำให้ชื่อของหน่วยความมั่งคงแห่งชาติของอังกฤษ หรือที่รู้จักในชื่อ “เอ็มไอไฟว์”(MI5) กลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้งตามพาดหัวข่าวทั่วโลก เมื่อออกมาเตือนหลังเกิดเหตุดังกล่าวว่าอังกฤษยังคงเสี่ยงที่จะเผชิญกับการก่อการร้ายในระดับ “รุนแรง” ซึ่งสูงสุดอันดับ 2 รองจากระดับ “วิกฤติ” แต่หลายคนอาจยังไม่รู้จักหน่วยข่าวกรองนี้มากนัก รู้รอบโลกวันนี้จะพูดถึงเรื่องน่าสนใจ 9 อย่างเกี่ยวกับเอ็มไอไฟว์
เอ็มไอไฟว์ เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงและต่อต้านการก่อการร้ายภายในประเทศของอังกฤษที่ให้ความสำคัญเรื่องภัยคุกคามภายในประเทศ ในขณะที่หน่วยข่าวกรองความมั่นคง หรือ “เอ็มไอซิกส์” (MI6) ให้ความสำคัญเรื่องภัยคุกคามจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เอ็มไอไฟว์ก็มีประวัติศาสตร์และข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
- หน่วยงานลับ
เอ็มไอไฟว์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2452 ในชื่อสำนักงานสายลับ (เอสเอสบี) โดยมีผู้อำนวยการคนแรกคือพลตรี เซอร์ เวอร์นอน เคลล์
- ภารกิจช่วงแรก
ในฐานะที่เป็นหน่วยงานลับในช่วงแรก เอสเอสบียังไม่มีภารกิจป้องกันภัยคุกคามภายในประเทศ แต่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับกิจกรรมของจักรวรรดิเยอรมนีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และจะต้องรับผิดชอบทั้งภัยคุกคามต่างประเทศและในประเทศ แต่เมื่อถึงปี 2453 เอสเอสบีก็แยกออกเป็น 2 หน่วยคือ เอ็มไอไฟว์และเอ็มไอซิกส์จนถึงในปัจจุบัน
- สงครามเย็นสิ้นสุดแล้ว?
ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการสอดแนมยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ โดยเมื่อปี 2549 รัสเซียอ้างว่าอังกฤษลอบติดเครื่องดักฟังไว้กับก้อนหินริมถนนในกรุงมอสโก ซึ่งปรากฎว่าข้อกล่าวหานี้เป็นเรื่องจริง ขณะเดียวกัน เอ็มไอไฟว์ยังคาดว่า ขณะนี้รัสเซียก็มีสายลับแฝงตัวอยู่ในอังกฤษมากเท่ากับสมัยสงครามเย็น
- ยุคเสื่อมถอยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
แม้ว่าองค์กรนี้จะมีความสำคัญ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นหนึ่งในช่วงตกต่ำที่สุดของเอ็มไอไฟว์ โดยมีการลดขนาดองค์กรจนเหลือสายลับฝ่ายปฏิบัติการ 30 คนและสายลับฝ่ายสอดแนม 6 คน แต่สุดท้ายรัฐบาลอังกฤษก็ได้เพิ่มทรัพยากรหลายด้านให้กับเอ็มไอไฟว์เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามต่าง ๆ ในปัจจุบัน
- สายลับที่ไม่ลับ
นายไมเคิล เบตตานีย์ เป็นสายลับเอ็มไอไฟว์จอมอื้อฉาวผู้ที่ปกปิดความลับตัวเองไม่อยู่เขาเข้าร่วมหน่วยต่อต้านการจารกรรมของเอ็มไอไฟว์เมื่อปี 2525 ก่อนถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานส่งเอกสารข้อมูลอ่อนไหวให้กับสหภาพโซเวียตเมื่อปี 2527 นอกจากนั้น เขายังอวดอ้างบ่อยครั้งว่าทำงานให้กับ “ฝ่ายตรงข้าม” และยอมรับว่าตัวเองเป็นสายลับ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือเพื่อเลี่ยงการตรวจตั๋วของนายสถานีรถไฟ และครั้งที่สองคือเพื่อให้รอดถูกจับข้อหาเมาสุราในที่สาธารณะ
นายเบตตานีย์ถูกจับกุมข้อหาขายชาติ หลังมีสายลับเอ็มไอซิกส์ที่แฝงตัวทำงานในสถานทูตสหภาพโซเวียตรายงานเขาต่อผู้บังคับบัญชา
- ไม่มีอำนาจสั่งฆ่า
เอ็มไอไฟว์ปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแข็งขันมาโดยตลอด ซึ่งแน่นอนว่าหากสายลับเอ็มไอไฟว์และเอ็มไอซิกส์ฆ่าคนบ่อยเหมือนกับ “เจมส์ บอนด์” พวกเขาคงไม่สามารถปกปิดตัวตนได้
- ความโปร่งใส
เอ็มไอไฟว์ เปลี่ยนผ่านจากองค์กรลับสุดยอดมาเป็นองค์กรที่เปิดเผยต่อสาธารณชนมากขึ้น เช่นเดียวกับเอ็มไอซิกส์ โดยเมื่อปี 2532 กฎหมายหน่วยความมั่นคงให้อำนาจหน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐบาลอย่างถูกกฎหมายเป็นครั้งแรก แต่ก็ทำให้ต้องมีความโปร่งใสมากขึ้นด้วย จึงไม่สามารถดักฟังโทรศัพท์หรือติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังโดยไม่มีหมายศาลเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไป
ต่อมาในปี 2536 เอ็มไอไฟว์ได้ตีพิมพ์หนังสือเรื่อง “เดอะ ซีเคียวริตี เซอร์วิส” ที่อธิบายเกี่ยวกับ 6 หน่วยงานของเอ็มไอไฟว์ ซึ่งรวมถึงหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย หน่วยต่อต้านการจารกรรม และหน่วยต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ
- เปลี่ยนยุทธศาสตร์
หลังจากยุคสงครามเย็นผ่อนคลายลงในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 เอ็มไอไฟว์ก็เปลี่ยนภารกิจหลักจากการสอดแนมสหภาพโซเวียตมาเป็นการป้องกันการก่อการร้ายภายในประเทศ โดยเฉพาะหลังเหตุรุนแรงโดยกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์
จากนั้น ตำรวจนครบาลอังกฤษได้มอบอำนาจให้เอ็มไอไฟว์ทำหน้าที่สกัดการก่อการร้ายจากไอร์แลนด์อย่างเป็นทางการในปี 2535 และนอกเหนือจากจะช่วยป้องกันการวางระเบิดในประเทศได้หลายครั้งแล้ว เอ็มไอไฟว์ยังสามารถเอาผิดทางกฎหมายต่อสมาชิกกลุ่มติดอาวุธไอร์แลนด์ได้อย่างน้อย 21 คน
- สหรัฐไม่ใช่ชาติเดียวที่สอดแนมประชาชน
ในปี 2549 ส.ส.นอร์แมน เบเกอร์ กล่าวหาเอ็มไอไฟว์ว่า ลักลอบเก็บข้อมูลของประชาชนที่ไม่ได้เป็นภัยต่อประเทศ ซึ่งเป็นข้อกล่าวที่ค่อนข้าวมีน้ำหนัก และผลการตรวจสอบปรากฎว่าเอฌมไอไฟว์มีแฟ้มลับเกี่ยวกับข้อมูลประชาชน 272,000 คน




