ก้าวข้ามความตาย มาไล่ตามฝัน

ก้าวข้ามความตาย มาไล่ตามฝัน

พีรดา พีรศิลป์ บก.สาวผู้ไม่ยอมพ่ายให้แก่มะเร็ง ลุกขึ้นมาบิดบิ๊กไบค์ในวันที่เอาชนะโรคร้ายได้เป็นครั้งที่สอง

      14 ปีที่แล้ว ตอนที่พบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เธอตกใจมาก กลัว ท้อแท้ สิ้นหวัง รู้เพียงอย่างเดียวว่าตัวเองคงต้องตาย...

      เธอไปหาหนังสือเกี่ยวกับคนที่ป่วยเป็นมะเร็งมาอ่าน แต่ยิ่งอ่านเธอยิ่งเครียด...

      เอาใหม่... เลิกอ่าน เลิกท้อแท้ ลองทำตามที่หมอบอก รักษาไปตามอาการแล้วพบว่ามะเร็งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ที่สำคัญคือ ห้ามอ่อนแอ ห้ามท้อ และคือสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ใจ”

       “ตอนรู้ว่าเป็นมะเร็งครั้งแรก ตอนนั้นในหัวมันก้องอยู่ตลอดเลยว่าต้องตายแน่ๆ แล้วแม่ก็เป็นห่วงมาก เค้าทำเหมือนกับเราเป็นคนป่วย ทีนี้เราก็เริ่มสังเกตตัวเองว่าทำไมยิ่งอยู่กับแม่ยิ่งโทรมลงๆ เลยบอกแม่และทุกคนในบ้านว่าอย่าทำเหมือนเราเป็นคนป่วย ให้ทำเหมือนกับเราเป็นคนปกติธรรมดา จากนั้นเราก็รักษาตามที่หมอแนะนำแล้วคอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่า “ฉันยังตายไม่ได้ ฉันยังตายไม่ได้” ‘หลิง’ พีรดา พีรศิลป์

โยนข้ออ้างทิ้ง ชีวิตแค่ลงมือทำ

      เมื่อมะเร็งหายไปแล้ว เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ เธอทำงานบรรณาธิการหามรุ่งหามค่ำ เธอ(อยาก)ออกกำลังกาย แต่ไม่ได้ทำเพราะข้ออ้างต่างๆ นาๆ ว่าไม่มีเวลา... และเดี๋ยวค่อยทำ...

      จะทำหรือไม่ทำ คำนี้เธอไม่ได้ถามตัวเอง แต่เป็นมัจจุราชที่เคยเกือบคร่าชีวิตเธอไปต่างหาก  มันกลับมาหาเธอเป็นครั้งที่สองใช่แล้ว “มะเร็ง”  มันกลับมาเพื่อเตือนเธอว่าจะทำในสิ่งที่คิด จะทำในสิ่งที่อยากได้หรือยัง ถ้ายัง มันอาจไม่มีโอกาสอีก…

      เธอต้องสู้กับมันอีกครั้ง แน่นอน เธอชนะมันได้... แต่หลังวันนั้น เธอเปลี่ยนไป เธอไม่รอแล้ว ข้ออ้างต่างๆ ไม่มีอีกต่อไป

      เธอถามตัวเองว่าเธออยากได้ชีวิตแบบไหน คำตอบคือ เธออยากแข็งแรง มีสุขภาพดี มีซิกแพ็ค อยากเที่ยว และอยากขี่มอเตอร์ไซค์

      เธอไม่รอ เธอเริ่มออกกำลังกายด้วยสิ่งที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองมากที่สุด T25  คือคำตอบ เพราะการออกกำลังกายแบบนี้สามารถทำได้เองที่บ้าน และไม่ต้องใช้พื้นที่มากนัก เอาสิ ถ้าง่ายขนาดนี้ยังทำไม่ได้ล่ะก็มาเอาชีวิตเธอไปเสียเถอะ

      “แรกๆ มันก็ตื่นยากนะ เพราะเราเลือกที่จะตื่นมาออกกำลังกายตอนหกโมงเช้าทุกวัน และที่เลือกเวลานี้เพราะไม่มีคนมาติดต่องาน เราต้องทำให้ได้ เพราะขนาดเราทำงานหนัก ทำงานเพื่อบริษัท เรายังทำได้ พี่เลยคิดว่าเราจะทำงานหนักไปทำไมถ้าต้องเอาเงินที่ได้ไปหาหมอ ไปซื้อยา สู้เราออกกำลังกายแล้วเอาเงินพวกนั้นไปเที่ยว ไปทำสิ่งที่ตัวเองรักไม่ดีกว่าหรอ”

ผู้หญิงตัวเล็กแต่ใจใหญ่

      เมื่อความอยากของพีรดาเริ่มถูกสนองไปทีละอย่าง สองอย่าง คราวนี้มาถึงคราวมอเตอร์ไซค์บ้าง เธอไม่ลังเลที่จะซื้อมัน Triumph Bonneville คือคันที่เธอเลือกให้พาเธอออกไปสู่ความอิสระบนท้องถนน

      และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะบังคับมอเตอร์ไซด์ที่หนักกว่าตัวเธอหลายเท่าได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เธอไม่ยอมแพ้ เธอออกกำลังกายมากขึ้น และไปเรียนขับรถบิ๊กไบค์ เมื่อเรียนจบ รถที่จองไว้ก็ได้พอดี

      สวยอย่างที่คิดไว้เลย เธอตื่นเต้นมาก วันแรกที่ได้รถมา เธอขับออกจากบ้าน “แปะ” เธอล้มตั้งแต่หน้าบ้าน แต่ยังดีที่ครั้งนั้นเพื่อนบ้านเห็นแล้วมาช่วยไว้ได้พอดี จากนั้นเธอล้มอีกสามครั้งภายในหนึ่งเดือน มันยากจริงๆ ... เธอเคยท้อ... แค่เคยนะ

      พีรดาขับมันแล้วขับมันอีก ขับจนเชื่อว่ามันรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเธอ ไม่ว่าจะไปกินข้าว ดื่มกาแฟ ไปเที่ยว ไปทำงาน เธอไปกับมันตลอด แรกๆ เธอไปคนเดียว เพราะเธอไม่รู้จักใครที่พอจะไปเป็นเพื่อนเธอได้เลย แต่แล้วไม่นานรุ่นน้องของเธอก็ออก Triumph มาขับด้วยกัน และตั้งแต่นั้นเขาได้ทำให้เธอรู้ว่า เธอยังมีกลุ่มเพื่อนอีกมากมายที่รักในอิสระ รักในการใช้ชีวิตอยู่กับมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน และหนึ่งในนั้นคือ กลุ่ม 8080 BKK

จากไทยสู่ลาว มิตรภาพของการเดินทาง

      หลังรู้จักกับเพื่อนกลุ่มใหม่ได้ไม่นานก็มีการนัดกินข้าว นัดเที่ยว นัดดื่มกาแฟกัน น่าแปลกที่เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง หรือแม้กระทั่งเพียงห้านาที ก็เพียงพอแล้วสำหรับการได้มาเจอกัน เพราะพวกเขาขอแค่ให้ได้ขี่รถออกมาบนท้องถนน และมาพูดคุยเรื่องเดียวกันก็เพียงพอแล้ว

      และทริปแรกสุดทรหดของเธอกับเหล่าผองเพื่อนก็เริ่มขึ้น “ลาว” คือจุดหมายในการเดินทางครั้งนี้ พวกเขาขี่รถจากหนองคายเข้าสู่เวียงจันทน์ ต่อด้วยวังเวียง หลวงพระบาง หงสา แล้วกลับเข้าไทยที่ด่านห้วยโก๋น จังหวัดน่าน ในระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร

      “สนุกมากกก พี่เป็นผู้หญิงคนเดียวเลยในกลุ่ม ทุกคนดูแลดีมากจริงๆ ซึ่งทางที่เราไปทุกอย่างมันธรรมชาติสุดๆ วิวทิวทัศน์สวยมาก ระหว่างทางก็เต็มไปด้วยความสวยงามของวิถีชีวิตผู้คนที่นั่น มันเป็นสิ่งที่เราได้ทำแล้วไม่เสียดายชีวิตเลย แต่กว่าจะถึงตรงนั้นก็ลำบากเหมือนกัน เพราะพอเข้าเขตประเทศลาว เราต้องขับรถชิดขวา ซึ่งมันก็ไม่ชินเนอะ แต่ก็ผ่านมันมาได้ หลังจากนั้นก็เจอทั้งทางโค้งเป็นพันๆ เจอหลุมจนพี่นึกว่านี่เราขับอยู่บนดวงจันทร์หรือเปล่าวะ แล้วยังมีฝน มีโคลนอีก โอ๊ยย เยอะแยะมาก แต่ถ้ามีแบบนี้บอกเลย พี่ไปอีกแน่”

      สำหรับชีวิตในวันข้างหน้าของพีรดานั้น เธอบอกว่าก็คงไม่ต่างจากตอนนี้สักเท่าไหร่ เพราะเธอก็ยังเป็นเธอ เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่รู้ว่าความสุขของตัวเองคืออะไร และที่สำคัญเธอลงมือทำมัน เพราะเธอเชื่อว่าความสุขที่ดีที่สุดคือการลงมือทำตามหัวใจตัวเอง...