'วสันต์' เชื่อนายกฯมีเหตุผลใช้ม.44 ปลดผู้ว่าฯกทม.

'วสันต์' เชื่อนายกฯมีเหตุผลใช้ม.44 ปลดผู้ว่าฯกทม.

โฆษก “สุขุมพันธุ์” เชื่อนายกฯมีเหตุผล ใช้ม.44 ปลดผู้ว่าฯกทม. ซัดผู้ว่าสตง.พูดชี้นำ-หวั่นกระทบงานขรก.

นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในฐานะโฆษกประจำตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งชื่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไปที่ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) เพื่อให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ปลดผู้ว่าฯกทม. ว่า วันนี้สตง.ได้ให้ความเห็นต่อการทำงาน ต้องถามว่าเป็นความเห็นในรูปแบบของคณะกรรมการ หรือว่าเป็นความเห็นของผู้ว่าสตง.เป็นที่สุด ผู้ที่ให้ความเห็นต้องมีความระมัดระวัง เพราะขณะนี้กระบวนการตรวจสอบถือว่ายังไม่สิ้นสุด เพราะที่ผ่านมาความเห็นจากสตง.ซึ่งเป็นความเห็นส่วนบุคคลทั้งนั้น และได้แสดงความเห็นเชิงการตัดสินไปแล้ว จึงต้องมีการพิจารณาถึงบรรทัดฐานการทำงานขององค์กรตรวจสอบ ยืนยันว่าการตรวจสอบเป็นเรื่องที่ดี แต่บทบาทของหน่วยงานตรวจสอบต้องมีความเหมาะสม มีความพอดีอย่างไร เรื่องนี้สตง.ไม่ต้องส่งชื่อเข้าไปที่ศอตช.ก็ได้ แค่ผู้ว่าสตง.ออกมาแสดงความเห็นผ่านสื่อมวลชนรายวัน ก็เป็นปัญหากับหน่วยงานที่บริการประชาชน ซึ่งมีกลไกของข้าราชการ และลูกจ้างที่ได้รับความหวั่นไหว และส่งผลไปถึงการให้บริการประชาชนที่ต้องได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นการบั่นทอนกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน                  

นายวสันต์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ก็มีขั้นตอนตามกระบวนการอยู่แล้ว เชื่อว่าการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีจะมีเหตุผล และมีข้อเท็จจริง ไม่ได้มาใช้ความเห็นส่วนบุคคลในการตัดสินใจ เมื่อเทียบกับการใช้ความเห็นเบื้องต้นของผู้ว่าสตง.ในการชี้ขาดเลย ก็คงไม่จำเป็นให้หน่วยงานตรวจสอบแล้ว ขณะเดียวกันวันนี้สังคมเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับข้าราชการและประชาชนในเรื่องความถูกต้อง และความดีที่แสดงออกมา เพราะฉะนั้นที่ความดีได้ห่อหุ้มร่างกาย ก็เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ต้องมีเหตุผลในการตัดสินใจ ไม่ใช้ความรู้สึกเช่นเดียวกับกลุ่มคนบางกลุ่มต้องการ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะการทำงานมา 7-8 ปีแต่สิ่งเหล่านี้มาเกิดในปีสุดท้ายของการทำงาน