'ต้องทำก่อนหน้าให้ดีที่สุด' สูตรยั่งยืนแบรนด์ "นกพิราบ"

'ต้องทำก่อนหน้าให้ดีที่สุด' สูตรยั่งยืนแบรนด์ "นกพิราบ"

ผักกาดดองตรานกพิราบที่อยู่คู่ครัวไทยมากว่า6ทศวรรษวันนี้เจน2พร้อมสานต่อพันธกิจ ขับเคลื่อนสินค้าไทยสู่ครัวโลก

บริษัท สันติภาพ (ฮั่วเพ้ง 1958) จำกัด คือชื่อของ ผู้ผลิตอาหารกระป๋องและเกษตรแปรรูป ที่ครอบคลุมทั้งกลุ่ม ผักกาดดอง ผักและผลไม้กระป๋อง น้ำผลไม้ อาหารทะเลกระป๋อง ในแบรนด์คุ้นหู ตรา “นกพิราบ” และ “PIGEON”

วันนี้ธุรกิจผ่านมากว่า 60 ปี (ก่อตั้งปี ค.ศ.1950) แต่พวกเขายังคงรักษาความเป็นเจ้าตลาดในกลุ่ม “ผักกาดดอง” ไว้ได้ มีรางวัลการันตีความสำเร็จมากมาย ล่าสุดกับรางวัล “องค์กรแห่งความสำเร็จ” จากโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อยกระดับความสามารถทางการแข่งขัน (MDICP Standard) ในงาน Thailand Industry Expo 2014 ที่เพิ่งคว้ามา สดๆ ร้อนๆ

“คุณพ่อ (แก้ว รัชตสวรรค์) ท่านสร้างธุรกิจมา โดยเริ่มจากโรงงานเล็กๆ ทำแบบกงสี ยังไม่มีระบบอะไร อาศัยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพัฒนาไม่หยุดนิ่ง จนธุรกิจค่อยๆ เติบโตขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้าจะทำให้ธุรกิจโตอย่างยั่งยืนได้นั้น..การพัฒนาสำคัญที่สุด”

“วิสุทธิ์ รัชตสวรรค์” กรรมการบริหาร บริษัท สันติภาพ (ฮั่วเพ้ง 1958) จำกัด ทายาทรุ่น 2 ตรานกพิราบ บอกหัวใจสำคัญที่ทำให้กิจการเล็กๆ เติบใหญ่ขึ้นในมือของคนรุ่นหนึ่ง และ“การพัฒนา” ที่ว่านี้ ก็คือสิ่งที่คนรุ่น 2 ยังยึดมั่นไว้

“ผมเข้ามาในบริษัทเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2542 รุ่นของผมจะเน้น การพัฒนาระบบการบริหารให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น พัฒนาคน รวมถึงประสิทธิภาพองค์กร โดยนำเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น ลดต้นทุน ลดความสูญเสีย”

ในยุคของเขา เริ่มดึงมือผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายแขนง มาช่วยประเมินและวิเคราะห์ธุรกิจ และสายตาของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ ก็ช่วยปิดจุดอ่อน เติมเต็มจุดแข็ง จนเกิดเป็น “ความได้เปรียบทางการแข่งขัน”

“เราพยายามปิดจุดอ่อน แล้วใช้จุดแข็งที่มีทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันมากที่สุด และยังคงพัฒนาศักยภาพจุดแข็งนั้นให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้วันนี้คิดว่า ทำดีแล้ว แต่ยังมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม พยายามทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้คู่แข่งตามไม่ทัน”

การพัฒนาที่ "ไม่มีจุดสิ้นสุด" เพราะมองว่า ในยุคนี้โอกาสที่คู่แข่งจะก้าวตามได้ทันนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่มี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หรือแม้แต่ทุน เรียกว่า ขอแค่รู้เทคนิคนิดๆ หน่อยๆ ก็อาจทำตามได้แล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ผู้นำจะต้องทำให้ได้ ก็คือ การพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างไม่สิ้นสุด และ ไม่หยุดนิ่ง

เราเลยได้เห็นการทำงานของสันติภาพ ที่ลงลึก เจาะถึงแก่นธุรกิจ ตั้งแต่ ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เขายกตัวอย่าง หนึ่งความพยายามที่ยังคงทำมาอย่างต่อเนื่อง คือการวิจัยและพัฒนาร่วมกับเกษตรกรในเครือข่าย (Contact Farming) เพื่อพัฒนากระบวนการปลูกผักกาด ให้ได้ขนาดของหัวที่พอดีกับขนาดกระป๋อง เพื่อลดขั้นตอนการปรับแต่งก่อนบรรจุ

“ทั้งหมดนี้คือการทำงานที่ยังไม่สุด เพราะยังไมได้ตามเป้าที่วางไว้ เพราะอย่างการปรับแต่งใหม่ แก้ไขใหม่ หรือตรวจสอบอะไรต่างๆ พวกนี้เป็นต้นทุนหมด แต่ถ้าเราสามารถทำตั้งแต่ต้นให้สำเร็จเลย เช่น ปลูกผักให้ได้ขนาดหัวที่ต้องการ ดองเสร็จก็ใส่กระป๋องได้ทันที แบบนี้จะลดขั้นตอนการทำงาน และลดความสูญเสียลงได้มาก”

นั่นคือที่มาของแนวคิด “ทำก่อนหน้านี้ให้ดีที่สุด”

“บางทีเราปรับปรุงจุดใดจุดหนึ่งอยู่ และคิดว่าทำได้ดีแล้ว แต่บางทีสาเหตุอาจมาจากก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าเราสามารถทำก่อนหน้านี้ให้ดีกว่านี้ได้ จุดที่กำลังปรับปรุงอยู่นั้น อาจไม่ต้องทำเลยก็ได้ แค่ทำก่อนหน้านี้ให้ดีที่สุด ทำให้ดีแต่ต้น และรู้ให้ได้ว่าก่อนหน้านี้ไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ถ้าสามารถหาเจอได้ ที่เราทำอยู่ทุกวันนี้แทบไม่มีความหมายเลยด้วยซ้ำ” เขาสะท้อนความคิด

เมื่อทำให้ต้นทางของปัญหาถูกแก้ไข และ “ดีที่สุด” ได้ ปลายทางสุดท้ายก็จะดีที่สุดได้เอง นั่นคือคมคิดของเขา

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของการแข่งขัน ยังมีโจทย์ท้าทายรออยู่เบื้องหน้า สิ่งที่ท้าทายไปกว่า การเผชิญหน้ากับโจทย์ใหม่ๆ ก็คือเป้าหมายยิ่งใหญ่ของพวกเขา ที่บอกเราว่า..

‘อยากให้องค์กรแข่งขันได้ในระดับโลก ส่งสินค้าไปขายได้ทั่วโลก และเป็นผลิตภัณฑ์ของโลก ภายใน 5 ปี’

ที่มาของการเปิดเกมรุกบุกตลาดโลก ที่ “หนักหน่วง” ขึ้นกว่าเก่า โดยที่ผ่านมาสันติภาพมีสัดส่วนในตลาดส่งออกที่ประมาณ 25% ทั้งขายในแบรนด์ตัวเองและรับจ้างผลิต(OEM) มีตลาดหลักทั้งใน ยุโรป อเมริกา จีน เกาหลี และอาเซียน ขณะที่รับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ใหญ่ๆ ถึงประมาณ 20 แบรนด์ ในปัจจุบัน

เป้าหมายในวันนี้ คือจะทำตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น โดยหวังขยับสัดส่วนส่งออกให้ได้ถึงประมาณ 50% โดยตลาดที่น่าสนใจสำหรับพวกเขา ยังเป็นเพื่อนบ้านอาเซียน เพราะวิถีชีวิตการกินอยู่คล้ายคลึงกัน และยอมรับในแบรนด์สินค้าไทย ที่ยังน่าสนใจไม่มีตกก็พี่ใหญ่อย่างจีน ซึ่งเขาบอกว่า ยังต้องปรับรสชาติให้เหมาะกับตลาดจีน ที่ไม่ชอบรสจัดในแบบไทยนัก

เช่นเดียวกับ การส่งผลไม้กระป๋องและของดอง บุกตลาดยุโรป ที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาให้เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้ายุโรปเช่นกัน อย่าง เปลี่ยนจากการดองด้วยเกลือ เป็นดองด้วยน้ำส้มสายชูที่คุ้นลิ้นลูกค้ายุโรป และเปลี่ยนจากผักกาด ไปเป็นพืชผักชนิดอื่นที่ตลาดยุโรปตอบรับ แต่สามารถปลูกได้ในเมืองไทย เหล่านี้เป็นต้น

“การเป็นผลิตภัณฑ์ของโลก ยอมรับว่า มีความยาก เพราะขณะเดียวกันเราก็ต้องแข่งกับแบรนด์ที่เขาทำอยู่แล้ว อย่าง สเปน และอิตาลี่ ซึ่งก็เก่งในเรื่องนี้ โดยเราอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้า เพื่อให้เหมาะกับประเทศต่างๆ ที่จะเจาะเข้าไปอยู่ และตั้งเป้าว่า ใน 3-5 ปี จะต้องทำให้ได้” เขาย้ำเป้าหมาย

เวลาเดียวกับศึกษาพฤติกรรมลูกค้า ก็คือการหา “พันธมิตร” ในต่างประเทศ เพื่อให้ง่ายต่อการขยายตลาดอินเตอร์

ปัจจุบัน สันติภาพ มียอดขายอยู่ ประมาณ 1,200 ล้านบาท เติบโตปีละไม่เกิน 5% แม้ปีนี้เขาบอกว่าจะยังทรงๆ อยู่ แต่ปีหน้ากับเกมรุกบุกหนัก คาดว่า จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ถึง 10% ขณะที่ตลาดในประเทศ ผักกาดดองตรานกพิราบ ยังเป็นเบอร์ 1 ส่วนกลุ่มผลไม้กระป๋องเป็นเบอร์ 3 ขณะที่ปลากระป๋องเขาบอกว่า ยอมรับว่า “สู้ไม่ได้” เพราะเป็นตลาดที่แข่งดุ แต่มีไว้เพื่อรักษาตลาดเท่านั้น ส่วน ‘ความน่าเชื่อถือ และไว้วางใจได้ ในรสชาติที่ไม่เปลี่ยน’ ก็คือหัวใจที่รักษาสถานะความเป็นผู้นำไว้

“สิ่งที่ผมเห็นจากยุคคุณพ่อคือ ท่านมีความมุ่งมั่นมาก และพยายามพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แม้คุณพ่อท่านจะไม่ได้มีการศึกษาสูงมาก แต่ท่านก็ใช้การทดลอง ทำแล้ว ทำอีก ทำจนสำเร็จ และทำโดยประสบการณ์ ซึ่งพอเราเอานักวิชาการเข้ามา ถึงได้รู้ว่า ที่ท่านทำไปนั้นถูกต้องตามหลักวิชาการทุกอย่าง และการพัฒนา ก็คือจุดที่ผมได้เรียนรู้ และจะยึดมั่นไว้”

ทายาทรุ่น 2 บอกเราว่า ยังอยากเห็นธุรกิจมีความมั่นคง และยั่งยืน สามารถทำตลาดได้ทั่วโลก ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นก็อยากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

เพื่อให้มีเงินทุนมาขยายธุรกิจ และได้นำพาแบรนด์สู่ความเป็น “มหาชน” อย่างเต็มภาคภูมิ

“”””””””””””””””””””””””””””

ที่มา ตรา “นกพิราบ”

ตรา “นกพิราบ” เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1950 โดย “แก้ว รัชตสวรรค์” และเพื่อน เริ่มจากโรงงานเล็ก ๆ ดำเนินธุรกิจแบบกงสี ภายใต้กลุ่มหุ้นส่วนชื่อ “ฮั่วเพ้ง” สินค้าหลัก คือ ผักกาดกระป๋อง ในปี 1958 เพิ่มฐานการผลิต และเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น “บริษัทสันติภาพ (ฮั่วเพ้ง 1958) จำกัด” พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ ผักและผลไม้กระป๋อง อาหารทะเลกระป๋อง ฯลฯ โดยกลุ่มผักกาดดอง มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่ง

ที่มาของชื่อบริษัท “สันติภาพ” และตรา “นกพิราบ” มาจากความคิดของแก้ว ที่ต้องการให้หุ้นส่วนทุกคนมีความสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะ ไม่มีปัญหากัน เลยเป็นที่มาของชื่อบริษัท “สันติภาพ” ซึ่งแปลว่า “ความสงบสุข” และใช้ตรา “นกพิราบ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ

...............................................

Key to success

สูตรยั่งยืนตรานกพิราบ

๐ ย้อนดูต้นทาง ทำก่อนหน้าให้ดีที่สุด

๐ รักษาความไว้เนื้อเชื่อใจในแบรนด์

๐ ปิดจุดอ่อน ทำจุดแข็งให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

๐ รู้เขา-รู้เรา หาพาร์ทเนอร์ที่ดี เพื่อเติบโตในตลาดโลก

๐ พัฒนาต่อเนื่อง ไม่สิ้นสุด รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจ