ลูก'ปาน พึ่งสุจริต'ไม่เชื่อพ่อฆ่าตัวตาย

ลูก'ปาน พึ่งสุจริต'ไม่เชื่อพ่อฆ่าตัวตาย

"วันเฉลิม" ลูกชาย"ปาน พึ่งสุจริต"ไม่เชื่อพ่อฆ่าตัวตาย เพราะไม่ค่อยมีเรื่องเครียด

จากกรณีนายปาน พึ่งสุจริต อายุ 68 ปี รองเลขาธิการพรรคมาตุภูมิ และอดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กระโดดจากสะพานพระราม 9 (บนทางด่วน) ขาออกมุ่งหน้าดาวคะนอง แขวงบางโคล่ เขต บางคอแหลม กทม.เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น คามคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 กรกฎาคม ที่บริเวณใต้สะพานพระรามเก้า(ฝั่งธนบุรี) พ.ต.อ.สมบัติ แก่นวิจิตร ผกก.สน.บางคอแหลม พร้อมด้วย พ.ต.ท.เอกพงษ์ พูลทอง รอง ผกก.สส.สน.บางคอแหลม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางคอแหลม และเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ลงพื้นที่ เพื่อค้นหาร่างนายปานอีกครั้ง

พ.ต.อ.สมบัติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบนสะพานพระราม 9 พบว่ามีชายต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นนายปาน ได้ขับรถยนต์วอลโว่ สีบรอนซ์ทอง เลขทะเบียน 4 ว-3345 กรุงเทพมหานคร มาจอดที่บริเวณกลางสะพานพระราม 9 ขาออก มุ่งหน้าดาวคะนอง ก่อนจะเดินลงจากรถคันดังกล่าวแล้วเดินอ้อมมาทางด้านหน้าของรถ จากนั้นจึงเดินข้ามรั้วราวกั้นขอบสะพาน ก่อนจะกระโดดลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทันที โดยไม่มีท่าทางลังเลแม้แต่น้อย ซึ่งระยะเวลาที่เกิดเหตุเพียง 15 วินาทีเท่านั้น ทั้งนี้ จากการสอบสวนญาติของนายปาน และพยานที่เห็นเหตุการณ์เบื้องต้น ยังไม่สามารถระบุถึงเหตุจูงใจในการตัดสินใจกระโดดน้ำในครั้งนี้ได้

อย่างไรก็ตาม นักประดาน้ำได้พยายามจะเข้าไปยังจุดที่ชายซึ่งต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นนายปาน กระโดดลงมา แต่เนื่องจากกระแสน้ำแรงมาก จนพัดร่างของนักประดาน้ำออกมาตลอดเวลา จึงยังไม่สามารถเข้าถึงจุดดังกล่าวได้ ซึ่งนักประดาน้ำจะค้นหาในรัศมีจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร

ขณะที่นายวันเฉลิม พึ่งสุจริต อายุ 37 ปี ลูกชายคนสุดท้องของนายปาน กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าพ่อจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากพ่อเป็นคนอารมณ์ดี สนุกสนาน ไม่มีอาการซึมเศร้าเเต่อย่างใด เเละไม่ค่อยมีเรื่องเครียด หรือเรื่องไม่สบายใจใดๆ จะมีก็เพียงเเต่เรื่องเดียวคือเรื่องสุขภาพ ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา พ่อมักจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ บ้านหมุน หูอื้อ ซึ่งเป็นปัญหาด้านสายตาเเละน้ำในหูไม่เท่ากัน ช่วงหลังๆพ่อจึงต้องกินยาบำรุงเเละวิตามินต่างๆ อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดว่าปัญหาดัวกล่าวจะเป็นเหตุให้พ่อถึงขั้นคิดสั้น

นายวันเฉลิม กล่าวอีกว่า ตนมีพี่น้องรวมทั้งหมด 3 คน เเละตนเป็นลูกคนสุดท้อง ซึ่งเมื่อโตขึ้นก็เเยกย้ายกันไปอยู่ข้างนอก พ่อจึงอาศัยอยู่กับเเม่เพียงเเค่ 2 คน เเต่ตนเเละพี่ทั้ง 2 คน จะเเวะเวียนกันไปเยี่ยมพ่อกับเเม่ทุกอาทิตย์ ซึ่งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ก่อนเกิดเหตุ พ่ออยู่บ้านเพียงคนเดียว ก่อนที่จะขับรถออกจากบ้าน โดยไม่มีใครทราบว่าพ่อจะไปไหน เเละออกจากบ้านตั้งเเต่กี่โมง อย่างไรก็ตาม ตนเเละครอบครัวยังมีความหวังว่าพ่อจะต้องไม่เป็นอะไร