ทรูเพิ่มทุนแสนล้านดึง'ไชน่าโมบาย'ถือหุ้น18%

ทรูเพิ่มทุนแสนล้านดึง'ไชน่าโมบาย'ถือหุ้น18%

'กลุ่มทรู'เพิ่มทุนแสนล้าน ออกหุ้นสามัญหมื่นล้านหุ้น ขายต่ำพาร์6.45บ. ดึง'ไชน่าโมบาย' ถือหุ้น18% คาดได้เงินระดมทุน 6.45 หมื่นล.

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 145,302.15 ล้านบาท เป็น 246,079.28 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 10,077.71 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท

หุ้นเพิ่มทุน จัดสรรเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนผู้ถือหุ้นเดิม ไม่เกิน 5,648.28 ล้านหุ้น หรือเป็น 60% ในอัตรา 2.5725 เดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 6.45 บาทต่อหุ้น และส่วนที่สองจัดสรรให้ China Mobile International Holdings Limited (China Mobile) ไม่เกิน 4,429.42 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นที่เพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 6.45 บาท

หากในกรณีที่ China Mobile ไม่สามารถเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ได้ทันเวลา บริษัทฯอาจเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนนี้ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ได้ โดยภายหลังเพิ่มทุนแล้วจะทำให้ "ไชน่า โมบาย" เข้าถือหุ้นในบริษัท 18%

ก่อนหน้านี้ นายศุภชัย กล่าวเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมาว่าในปีนี้ กลุ่มทรู ต้องการหาพันธมิตรร่วมลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ เพราะกลุ่มทรูฯ เริ่มมีความแข็งแกร่งในหลายด้าน การเปลี่ยนแปลงองค์กรของบริษัททั้งการปรับโครงสร้างผู้บริหาร การสิ้นสุดยุคสัญญาสัมปทาน และเข้าสู่ระบบใบอนุญาตแบบสากล

ทรู ระบุถึงวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน และการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่มบริษัท จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการเพิ่มทุนส่วนใหญ่ไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งเป็นเงินที่กู้ยืมมาใช้ในการลงทุนในธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบริการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิก และส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นเงินทุน สำหรับขยายการลงทุนในอนาคตตลอดจนใช้เป็นเงินหมุนเวียนภายในบริษัท

ขณะที่ประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนการเพิ่มทุนจะทำให้บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น เนื่องจากภาระหนี้สินลดลง ลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยตลอดจนทำให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานในอนาคต

ส่วนระยะเวลาจองซื้อสำหรับการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วน การถือหุ้น ของผู้ถือหุ้นเดิม 22-28 ส.ค. 2557และกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2557 ในวันที่ 25 ก.ค. 2557และปิดสมุดทะเบียน ในวันที่ 4 ก.ค. 2557

สำหรับผลกระทบด้านการลดลงของสัดส่วนการถือครองหุ้นในการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม 18% และในส่วนจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นแบบพีพี 40.95% ขณะที่ในส่วนของผลกระทบที่เกิดจากราคาหุ้น คาดว่าจะอยู่ที่ 4%

"ทรู" เผยเสริมแกร่งการเงิน

ด้าน นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ไชน่า โมบาย จะสนับสนุนเงินทุนให้บริษัทผ่านการจัดสรรหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) มูลค่าประมาณ 28,600 ล้านบาท และขณะเดียวกัน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นเดิมได้มีสิทธิในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในก้าวสำคัญของกลุ่มทรูที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในครั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการเพิ่มทุนอีกประมาณ 36,400 ล้านบาท

โดยการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวน 5,648,285,818 หุ้น โดยให้สิทธิผู้ถือหุ้นปัจจุบัน มีสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่ในอัตราส่วน 2.5725 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ (2.5725 : 1) ในราคาหุ้นละ 6.45 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกันกับราคาที่ ไชน่า โมบาย เข้าซื้อหุ้นในการจัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง

ทั้งนี้ แผนการเพิ่มทุนครั้งสำคัญนี้ ต้องได้รับมติเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 ก.ค. 2557

มั่นใจช่วยธุรกิจทรูแข็งแกร่ง

นายนพปฎล กล่าวย้ำว่า การเข้ามาของพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ครั้งนี้ เป็นการเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินครั้งสำคัญของกลุ่มทรู

"ทรู มั่นใจว่า การเพิ่มทุนโดยการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและ ไชน่า โมบาย มูลค่ารวมกว่า 65,000 ล้านบาทในครั้งนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของกลุ่มทรู ซึ่งจะทำให้กลุ่มทรูมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและเสริมศักยภาพในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ซึ่งในที่สุดแล้วทั้งผู้ถือหุ้นและลูกค้าของกลุ่มทรู จะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากแผนการเพิ่มทุนในครั้งนี้อย่างเต็มที่" นายนพปฏล กล่าว

เครือซีพีพร้อมซื้อหุ้นเพิ่มทุน

ขณะที่ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรูและไชน่าโมบายล์พร้อมก้าวเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนในไทยของ ไชน่า โมบาย

นายธนินท์ กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มทรู เล็งเห็นศักยภาพและโอกาสที่กลุ่มทรูจะก้าวเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาวเช่นกัน

"เครือซีพียินดีรับซื้อหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิ และในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นๆ ไม่ใช้สิทธิรับซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ครบ เครือซีพีก็ยินดีจะพิจารณาสนับสนุนการเพิ่มทุนครั้งนี้ให้สำเร็จตามช่องทางที่จะทำได้" นายธนินท์ กล่าว

"ไชน่า โมบาย" หวังฐานลูกค้าเพิ่ม

ด้านนายหลี่ เยว่ หัวหน้าคณะผู้บริหาร บริษัท ไชน่า โมบาย จำกัด กล่าวว่า ไชน่าโมบาย ได้รุกขยายธุรกิจต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการมองหาโอกาสในการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความใกล้ชิดกับสาธารณรัฐประชาชนจีน และยังมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างกันในด้านเศรษฐกิจและการค้า มีความคล้ายคลึงทางด้านสังคม วัฒนธรรม ภาษา ตลอดจนบรรยากาศการลงทุนที่เป็นมิตรกลุ่มทรูเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความเป็นผู้นำทั้งด้านบรอดแบนด์ เคเบิลทีวี และความเป็นผู้นำด้านธุรกิจโมบายในไทยทั้ง 3จี และ 4จี แม้ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจโทรคมนาคมในไทยรวมถึงยุทธศาสตร์

"ไชน่า โมบาย เล็งเห็นโอกาสการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจนี้ ที่จะสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างดี การลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ ไชน่า โมบาย คาดว่าจะเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่เพิ่มโอกาสเติบโตของธุรกิจและสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งในตลาดโลก ในขณะเดียวกัน การลงทุนครั้งนี้จะเพิ่มชื่อเสียงในต่างประเทศ รวมถึงเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรมของบริษัทด้วย" นายเยว่ กล่าว

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการและประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ระยะ 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มทรู มีพัฒนาการและประสบความสำเร็จในธุรกิจหลายๆ ด้าน ทั้งการขยายธุรกิจเคเบิลบรอดแบนด์สู่ทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ด้านคอนเวอร์เจนซ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างสูงให้กับลูกค้าและการรักษาความเป็นผู้นำทั้งตลาดบรอดแบนด์ เคเบิลทีวี และธุรกิจ 3จี ไว้ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของธุรกิจโมบายที่ข้ามผ่านยุคสัมปทาน 2จี สู่ใบอนุญาต 3จี ตลอดจนความชัดเจนของการเป็นผู้นำ 4จี แอลทีอีรายแรกในไทย

"วันนี้กลุ่มทรู มีความพร้อมในการสร้างความแข็งแกร่ง โดยการเลือก ไชน่า โมบายเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ที่จะช่วยสร้างศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนการปรับฐานการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นพร้อมต่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การร่วมลงทุนครั้งนี้จะช่วยลดระดับหนี้โดยรวมของบริษัท และเสริมความแข็งแกร่งให้ทุนของบริษัท อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกลุ่มทรูที่จะพลิกโฉมเป็นองค์กรที่สร้างกำไร และมีรากฐานที่แข็งแกร่งพร้อมก้าวสู่การแข่งขันระดับภูมิภาค" นายศุภชัย กล่าว

ราคาหุ้นทรูปรับขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) วานนี้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนกระทั่งปิดทำการซื้อขายในช่วงเช้าราคามาอยู่ที่ 7.45 บาทเพิ่มขึ้น 0.20 บาท เพิ่มขึ้น 2.76% มีมูลค่าการซื้อขาย 1,363.12 ล้านบาท จากนั้นบริษัทได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์ ขึ้นเครื่องหมายห้ามการซื้อขายเป็นการชั่วคราว ในรอบการซื้อขายช่วงบ่ายวานนี้ เนื่องจากบริษัทกำลังจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อทำการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ และผลของการตัดสินใจดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท

รายงานข่าวจากตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) แจ้งว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ TRUE อาศัยอำนาจตามข้อบังคับ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจึงประกาศหยุดทำการซื้อขายสัญญาซื้อขาย TRUE Futures ตั้งแต่การซื้อขายของวันที่ 9 มิ.ย. 2557 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะทำการซื้อขาย TRUE Futures อีกครั้งเมื่อตลาดหลักทรัพย์เปิดให้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ TRUE

ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กรุงศรี กล่าวว่า การชำระหนี้ที่มีอยู่ระดับ 1 แสนล้านบาท น่าจะเป็นผลดีต่อบริษัทในอนาคต อย่างไรก็ตาม จะมีผลกระทบต่อพื้นฐานหรือไม่คงต้องพิจารณาที่รายละเอียดของการเพิ่มทุนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบันเข้าใกล้กับราคาของมูลค่าพื้นฐานที่ประเมินไว้

"ตอนนี้คงต้องพิจารณารายละเอียดว่าแผนการดำเนินการจะทำอย่างไร เพราะบริษัทเคยบอกว่ามีแผนจะเพิ่มทุนเพื่อขายหุ้นให้พันธมิตรในช่วงไตรมาส 2/2557 และคงต้องพิจารณาที่สัดส่วนการเพิ่มทุนเพื่อจะสามารถพิจารณาว่าจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นอยู่แล้ว" นักวิเคราะห์กล่าว