เส้นลมปราณบอกโรค

เส้นลมปราณบอกโรค

การสังเกตผ่านอาการตึงปวดเจ็บ หรือความผิดปกติตามแนวเส้นลมปราณ จะช่วยให้เข้าใจอาการป่วยและนำพาไปสู่การแก้ไขที่ต้นตอของโรค

เมื่อร่างกายมีอาการผิดปกติจะสื่อสารกับเจ้าของร่าง เพื่อให้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายที่ผิดปกติไป การวินิจฉัยอาการของร่างกายในการแพทย์ทางเลือกนั้นมีหลากหลายวิธี การแมะ(จับชีพจร) การสังเกตจากลักษณะภายนอกร่างกาย เช่น นัยน์ตา ผม เล็บ ลิ้น ผิวหนัง

และที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ก็คือ การสังเกตผ่านอาการตึงปวดเจ็บ หรือความผิดปกติตามแนวเส้นลมปราณ ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจอาการป่วยมากขึ้นและนำพาไปสู่การแก้ไขที่ต้นตอของโรคได้

ใครที่ไหล่ติดยกแขนไม่ค่อยขึ้น ลองตรวจเช็คสภาพของลำไส้ใหญ่ว่ายังดีอยู่หรือไม่ เพราะเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่นั้นมาจากนิ้วชี้ไล่มาเรื่อยๆ พาดผ่านหัวไหล่ ใครที่มีปัญหาเรื่องอาหารเก่าๆ ตกค้างอยู่ในลำไส้ ถ่ายออกไม่หมด เป็นริดสีดวงบ่อย ผายลมเหม็น ผิวค่อนข้างไม่ผ่องใส เส้นลมปราณลำไส้ใหญ่จะติดขัดทำให้การไหลเวียนของเลือดติดขัดไปด้วย กล้ามเนื้อเริ่มแข็ง เวลาถูกกดตามแนวเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ เช่น ไหล่ และแขนก็จะเจ็บตึงมากกว่าปกติ

เตือนให้เรารู้ว่าต้องรีบแก้ไขที่ต้นเหตุ ทานเนื้อสัตว์ที่ย่อยยากให้น้อยลง ทานผักให้มากขึ้น งดทานน้ำหวานๆ เช่น น้ำอัดลม ชานม ชาเย็น เพราะจะทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้มีแต่ตัวที่ไม่ดี ทานน้ำเปล่ามากๆ ให้อุจจาระอ่อนนิ่ม หากยังถ่ายไม่ออกก็หายาถ่ายมาทาน หรือดีท็อกซ์แบบสวนล้างลำไส้ 3-4 ครั้ง เดี๋ยวก็จะสบาย

แต่ใช่ว่าอาการยกแขนไม่ขึ้นนั้นจะเป็นสัญญาณเตือนจากลำไส้ใหญ่เพียงเท่านั้น ยังมีอีกเส้นหนึ่งที่พาดผ่านบ่าและไหล่ก็คือ เส้นลมปราณถุงน้ำดี ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าขณะนี้สารอาหารในร่างกายเริ่มไม่สมดุล มาจากสองสาเหตุใหญ่ๆ ก็คือ

1. การไหลเวียนของเลือดเริ่มช้าเกินไป ทำให้การลำเลียงสารอาหารไปแจกจ่ายให้กับร่างกายได้ไม่ทั่วถึง พบได้มากกับคนไข้วัยทำงานเพราะวันๆ ไม่ได้ขยับร่างกาย นั่งเครียดอยู่ในรถหรือหน้าคอมพิวเตอร์ น้ำก็ไม่ได้ทาน เลือดเดินได้ช้าและข้นหนืด ปวดตึงบ่าไหล่ไปหมด ยกแขนก็ลำบาก สังเกตได้จาก อาการง่วงเหงาหาวนอนบ่อยๆ ตื่นเช้ามาก็ไม่สดชื่น ชอบทานกาแฟหรือของหวานเพราะสารอาหารไม่ค่อยถึงสมองต้องกระตุ้นบ่อยๆ

2. สารอาหารในเลือดเหลือน้อยลง เช่น การไม่พักผ่อนให้เพียงพอ ทำงานลูกเดียว แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปผลิตเลือดดีไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ อีกสาเหตุที่ทำให้สารอาหารในเลือดเหลือน้อยลงก็คือ อายุที่มากขึ้นโดยเฉพาะวัยเกษียณขึ้นไป จึงต้องบำรุงกันหน่อย จะหายาบำรุงเลือด ยาบำรุงไต โสม กระชายดำ หรือจะตุ๋นซุปบำรุงกำลังทานก็ตามสะดวกแต่ละบ้าน แนะนำว่าอย่าไปเบียดเบียนสัตว์มากเกินไปก็เป็นการดี

คราวนี้คุณพ่อคุณแม่หรือญาติท่านผู้อ่านมีปัญหาไหล่ติด ยกแขนไม่ขึ้นลองสอบถามอาการข้างเคียงเสียหน่อยว่า ขับถ่ายเป็นอย่างไร ทำงานกี่วันต่อสัปดาห์ นอนวันละกี่ชั่วโมง เคลื่อนไหวร่างกายได้ไหม ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ทำให้เกิดโรคก็จะทำให้การรักษาง่ายและไม่เสียเวลาไปกับการรอคำตอบจากหมอเพียงอย่างเดียว ตามสโลแกน “หมอที่ดีที่สุดคือตัวท่านเอง”

สัญญาณเตือนผ่านเส้นลมปราณอีกเส้นหนึ่งที่ส่งสัญญาณผ่านคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ คือสัญญาณเตือนผ่านเส้นลมปราณตับ เพราะวิถีชีวิตในปัจจุบันหลีกเลี่ยงการทำร้ายตับได้ยาก เช่น อาหารแปรรูปที่มีสารกันบูด สารปรุงรส ไขมันแปรรูป หรือผลิตภัณฑ์ผักผลไม้ที่มียาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี

สังเกตได้จากคนไข้ที่เป็นโรคซีสต์ที่เต้านม หรือมดลูกรังไข่ ปริมาณมากขึ้นทุกวันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายก็เป็นโรคต่อมลูกหมากโต หรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนผ่านแนวเส้นลมปราณตับว่า ตับกำลังแย่แล้วจ้า รีบปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตโดยด่วน

ลดการทานอาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง ทานอาหารเช้าที่สดใหม่ เช่น ข้าวแกงหรือก๋วยเตี๋ยว อย่ามัวแต่ไปทานขนมปังใส่ครีมใส่เนยอยู่ทุกวี่วัน ตับจะเต็มไปด้วยสารพิษที่อยู่ในรูปของไขมัน เมื่อตับทำลายของเสียออกไม่หมดก็จะถูกนำไปเก็บไว้ตามแนวเส้นลมปราณตับคือ หน้าอก มดลูก รังไข่ ต่อมลูกหมากนั่นเอง

เส้นลมปราณในร่างกายมีเส้นลมปราณใหญ่ 12 เส้น ไหลเวียนทั่วร่างกายหากมีการติดขัดเพราะอวัยวะใดเกิดปัญหา จะส่งข้อมูลให้เราได้รับทราบ ลองนำมาเรียนรู้ทำความเข้าใจ จะสามารถป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ต้องขอขอบคุณการแพทย์โบราณ โดยเฉพาะการแพทย์จีนที่รวบรวมข้อมูลเหล่านี้ไว้หลายพันปี สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

* บทความโดย หมอนัทแห่งดิ อโรคยา คลินิกการแพทย์แผนไทย ใช้หลักการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีนและอายุรเวทเป็นรากฐาน สอบถามรายละเอียดโทรศัพท์ 0 2358 0050 หรือ http://thearokaya.co.th/web/