ผงกะหรี่...ฉุนจี๊ดเป็นยา

ผงกะหรี่...ฉุนจี๊ดเป็นยา

เครื่องเทศกลิ่นฉุนอาจไม่เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน แต่สำหรับ “ผงกะหรี่” สมุนไพรรวมมิตรสีเหลืองอ๋อย มันเป็นที่ต้องการของผู้รักสุขภาพทั่วโลก

เครื่องเทศกลิ่นฉุนอาจไม่เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน แต่สำหรับ “ผงกะหรี่” สมุนไพรรวมมิตรสีเหลืองอ๋อย มันเป็นที่ต้องการของผู้รักสุขภาพทั่วโลก

ผงกะหรี่ (Curry Powder) เป็นการผสมกันของสมุนไพรหลักหลายประเภทมารวมตัวกัน ประกอบด้วย ขมิ้น ลูกผักชี ขิง กานพลู อบเชย ผงมัสตาร์ด ลูกกระวานและอื่น ๆ ซึ่งส่วนประกอบแต่ละชนิดจะต้องทำให้แห้ง แล้วบดเป็นผง จากนั้นจึงคั่วก่อนนำมาผสมกัน

หากไม่ค่อยได้เข้าครัว เรามักไม่ค่อยได้เห็นผงกะหรี่ตัวเป็นๆสักเท่าไร แต่จะรู้จักกับผงกะหรี่ก็ต่อเมื่อ มันถูกแปลงร่างอยู่ในแกงที่มีสีเหลือง เช่น แกงกะหรี่ หรือนำไปเป็นเครื่องปรุงรสจัดจ้านให้กับ ผัดผงกะหรี่ เช่น กุ้งหรือปูผัดผงกะหรี่ เป็นต้น

บางคนชอบผงกะหรี่เพราะกลิ่นหอมฉุน บ้างว่าทำให้รสชาติอาหารจัดจ้านขึ้น ไม่เลี่ยนและลดความคาวในอาหารได้ นอกจากนั้นมันยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย หากรับประทานจะรับรู้ได้ทันทีว่า ผงกะหรี่ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม และขับปัสสาวะ

แต่ที่มีการวิจัยอย่างจริงจังนั้น นักวิจัยทั้งจากสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ต่างก็พบว่าสารประกอบที่อยู่ในขมิ้นที่ชื่อ เคอร์คูมิน มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการก่อมะเร็ง สามารถช่วยหยุดยั้งมะเร็งเต้านม ไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นได้ และยังช่วยชะลอมะเร็งต่อมลูกหมากได้ด้วย

นอกจากนั้น ขมิ้นยังมีคุณสมบัติโดยตรงในการแก้อักเสบ ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร ฆ่าเชื้อรา ถ้านำไปใช้ภายนอกก็ช่วยบำรุงผิวให้สดใส ลดความหมองคล้ำได้ อีกทั้งคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมโปรตีนอะมีลอยด์ในสมอง ตัวการโรคหลงลืม จึงช่วยป้องกันโรคอันไซเมอร์และช่วยให้สมองมีความจำดีขึ้น และอาจเพิ่มพลังสมองให้กับคนชราได้ในทางอ้อม

ว่ากันว่าการใช้ผงกะหรี่ปรุงอาหารในสมัยแรก ๆ ชาวอินเดียเชื่อว่า กินแล้วจะทำให้คงความหนุ่ม-สาว และอายุยืนยาวชั่วนิรันดร ต่อจากนั้นผงกระหรี่ก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารต่าง ๆ ไปทั่วโลก รวมถึงอาหารไทยที่เราบริโภคกันอยู่ แต่หลายคนกลับจดจำผงกะหรี่ได้ ในนาม “แกงกะหรี่” ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติญี่ปุ่นไปแล้ว

ไมโกะ ฮอนดะ เชฟประจำร้าน CoCo CURRY HOUSE กล่าวว่าสาวๆญี่ปุ่นมักบริโภคแกงกะหรี่เพื่อลดความอ้วน เนื่องจากส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆในผงกะหรี่มีสรรพคุณช่วยเผาผลาญได้เป็นอย่างดี

แต่หลายคนก็แย้งว่า แกงกะหรี่มักเสิร์ฟพร้อมข้าวกองโตกับบรรดาเนื้อสัตว์ที่ชวนให้น้ำหนักเพิ่มได้ง่ายๆ
เชฟไมโกะจึงเสนอ “ข้าวแกงกะหรี่ผักรวมย่าง” ซึ่งเป็นการคัดสรรผักนานาชนิด 8 อย่างที่มีรสชาติต่างกัน มีความหวาน มัน เผ็ด เปรี้ยว อย่าง ข้าวโพด กะหล่ำปลี บร็อกโคลี่ ตามด้วยพริกหยวกหลากสีและแครอต ที่มักนำมาแก้เลี่ยน ปิดท้ายด้วยมันเทศ มะเขือม่วง และมะเขือเทศ มาย่างและเข้าเตาอบ ต่อด้วยการปรุงน้ำราดสูตรพิเศษ

“สมัยนี้เราไม่ค่อยได้กินผักสดกันเท่าไร จะมีแต่ผักทอดหรือผักต้ม และที่ร้านยังไม่ผักย่าง ซึ่งจะยังคงความหวานและรสชาติเดิมไว้มากที่สุด จึงคิดสร้างสรรค์เมนูนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนที่ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพได้ชิม ได้ทั้งไฟเบอร์ในผัก และยังได้ลิ้มรสแกงกะหรี่ที่มีคุณสมบัติดีต่อร่างกายไปพร้อมๆกันด้วย”

ยังไม่พอ เชฟสาวสุดเท่ยังโชว์เมนู “ข้าวแกงกะหรี่มะเขือม่วงและผักโขม” ที่มีความลงตัวกลมกล่อมของมะเขือม่วงที่มีความหวานในตัว และเป็นท็อปปิ้งหรือเครื่องเคียงแก้เลี่ยนสุดฮิตสำหรับข้าวแกงกะหรี่หน้าต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ได้ ผักโขมที่มีความเค็มนิดๆ แต่เป็นผักที่มีความนุ่มชวนรับประทาน แถมยังเต็มไปด้วยไฟเบอร์ จึงรู้สึกได้ถึงความมีสุขภาพดี Healthy จริงๆ

หลังจากชิมแกงกะหรี่เลิศรสแล้ว เชฟไมโกะก็ยังไม่ให้เรากลับไปพร้อมกลิ่นกะหรี่คุกรุ่น ชวนให้เราล้างปากกันสักนิดด้วยเมนูรักสุขภาพ อย่าง “สลัดปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด” ซึ่งความไม่ธรรมดาอยู่ที่ปลาทาระ ซึ่งข้ามน้ำทะเลมาจากญี่ปุ่น แต่ให้รสชาติอร่อยเหมือนปลากะพง และเมื่อนำดิปปิ้ง 2 แบบ สูตรน้ำมันงาและชนิดครีมสลัดมาเสิร์ฟเคียงข้าง ก็ทำให้สลัดจานนี้พิเศษมากขึ้น

และปิดท้ายฉบับสุขภาพจ๋าเต็มรูปแบบด้วยเครื่องดื่มที่ดีต่อร่างกาย อย่าง “สมูตตี้มะม่วงผสมส้ม” ก็ทำให้อาหารมื้อนี้อิ่มแปล้และเติมเต็มพลังที่ดีต่อสุขภาพแบบฟินน่าเล่

ถึงเราจะถูกเมนูสลัดและเครื่องดื่มมากลบกลิ่นกะหรี่เสียจนหมดสิ้น แต่ทว่าในท้องนั้น “ผงกะหรี่” กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ เป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์จริงๆ