จีนเล็งออกกฎห้ามเปิดตัวหนังออนไลน์

จีนเล็งออกกฎห้ามเปิดตัวหนังออนไลน์

ทางการจีนโดดเข้าอุ้มโรงหนัง เตรียมออกกฎเข้ม ห้ามนำหนังออกฉายออนไลน์ก่อนถ้ายังไม่ได้เข้าฉายตามโรงภาพยนตร์

หลังจากที่สั่งปิดโรงภาพยนตร์มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เวลาล่วงเลยมากว่า 3 เดือนก็มีข่าวลือออกมาว่า รัฐบาลจีนกำลังเตรียมออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการโรงหนังด้วยการออกกฎระเบียบห้ามหนังใหม่เปิดตัวออนไลน์

 

ทั้งนี้ ภายในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีข้อตกลงกันอยู่ว่าจะต้องรอให้ภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และลาโรงไปแล้วเป็นเวลา 90 วัน ถึงจะนำภาพยนตร์เรื่องนั้นไปออกฉายทางช่องทางออนไลน์ หรือนำไปทำแผ่นขายได้

 

แต่ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา มีค่ายหนังบางแห่งแหกกฎ นำภาพยนตร์ที่ยังไม่ได้เปิดตัวในโรงภาพยนตร์ไปให้เช่าดูผ่านระบบสตรีมมิงจนส่งผลให้เกิดความไม่พอใจตามมา

 

กรณีที่กำลังเป็นข่าวดัง และเป็นจับตามองของทั้งคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และผู้บริโภคคือกรณีที่ค่าย ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส (Universal Pictures) นำภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Trolls World Tour ไปปล่อยให้เช่าดูทางออนไลน์ในระบบ premium video-on-demand

 

เท่านั้นยังไม่พอ นายเจฟฟ์ เชลล์ ซีอีโอของ NBCUniversal ยังออกมาบอกเป็นนัย ๆ ว่ามีแผนจะทำแบบนี้อีกเพราะ Trolls World Tour ฟันรายได้ไปร่วม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นรายได้มากกว่าตอนที่หนังภาคแรก Trollsออกฉายในโรงภาพยนตร์เป็นระยะเวลา 5 เดือน ในปี 2016 เสียอีก

 

ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้ AMC Entertainment เครือโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่พอใจอย่างหนัก และออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศว่าจะไม่ฉายหนังของยูนิเวอร์แซลฯ ตามโรงภาพยนตร์ในเครือของตนที่มีอยู่กว่า 1,000 แห่งทั่วโลก

 

โดยนายอดัม แอรอน ซีอีโอของ AMC ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ดอนนา แลงลีย์ ประธาน Universal Studios มีใจความว่าการที่ยูนิเวอร์แซลเปลี่ยนโมเดลธุรกิจระหว่างสองบริษัทครั้งใหญ่ ไม่ได้ทำให้เกิดอะไรขึ้นมาเลยนอกจากข้อเสียของทั้งสองฝ่าย และเป็นสิ่งที่ AMC Entertainment ยอมรับไม่ได้

 

ถ้าเดินหน้าต่อไป AMC ก็จะไม่ฉายหนังของยูนิเวอร์แซลตามโรงภาพยนตร์ 1,000 แห่งของเราทั่วโลก เราต้องการความชัดเจน จะได้ไม่เกิดความคลุมเครือขึ้น AMC มองว่าการนำหนังออกฉายทั้งที่บ้าน และในโรงภาพยนตร์พร้อมกันเท่ากับว่ายูนิเวอร์แซลได้ละเมิดโมเดลธุรกิจ และข้อตกลงระหว่างทั้งสองบริษัท”

 

lost in russia

 

ส่วนที่จีนนั้น มีภาพยนตร์ 2 เรื่องที่ถูกนำมาฉายออนไลน์ก่อนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ นั่นคือ ภาพยนตร์เรื่อง Lost in Russia ของ Xu Zheng ซึ่งใช้ต้นทุนถ่ายทำไป 300 ล้านหยวน โดยการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หนังถูกถอดออกจากโปรแกรมฉายในช่วงวันตรุษจีนที่ผ่านมา

 

สื่อท้องถิ่นรายงานว่าบริษัท Bytedance ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มสตรีมมิง Xigua Video และแอพวีดิโอสั้น Douyin และ Huoshan ได้จ่ายเงินให้ Huanxi Media เจ้าของหนังเรื่อง Lost in Russia ไป 630 ล้านหยวน เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ไปออกฉายให้ดูกันฟรี ๆ ทางระบบสตรีมมิงของตน ซึ่งก็ปรากฎว่ามีคนเข้ามาดูกันมากถึง 180 ล้านคน ในช่วง 3 วันแรก แถมยังได้รับคำชมว่าช่วยให้คนคลายเครียดจากการที่ต้องกักตัวอยู่กับบ้านได้เยอะ

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมทำให้ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ในแดนมังกรไม่พอใจจนถึงขนาดรวมตัวกันส่งจดหมายถึงคณะกรรมาธิการกิจการภาพยนตร์จีน เรียกร้องให้มีการบอยคอตค่าย Huanxi Media เพราะมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายกระบวนการฉายหนัง รวมไปถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์เองด้วย

 

ส่วนภาพยนตร์จีนเรื่องที่ 2 ที่เลือกเปิดตัวร์ออนไลน์ในช่วงโควิด ได้แก่ Enter the Fat Dragon หนังกังฟูแนวแอ็คชั่นคอมเมดีของ ดอนนี เยน ซึ่งฉายรอบพรีเมียร์ทางแพลตฟอร์มสตรีมมิงชั้นนำอย่าง Tencent Video และ iQiyi ไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เป็นการให้เช่าดูในราคา 12 หยวน ไม่ได้ฉายให้ดูฟรีแบบ Lost in Russia

 

เพื่อเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ไม่ให้บาดเจ็บหนักไปกว่านี้ นอกจากทางการจีนเตรียมจะอนุญาตให้โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดได้ตามปรกติในเร็ว ๆ นี้แล้ว ยังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับผู้บริหารในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ว่าทางการจะแก้ไขกฎระเบียบกำหนดระยะเวลาในการนำหนังไปฉายทางช่องทางอื่นหลังจากเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น

 

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนที่เปิดเผยว่ากฎระเบียบใหม่จะระบุให้ภาพยนตร์ทุกเรื่องจะนำมาฉายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ได้ก็ต่อเมื่อได้เข้าฉายตามโรงภาพยนตร์เป็นวงกว้างแล้วเท่านั้น

 

พวกเราทั้งหมดได้กำหนดมาตรฐานของสัญญากันใหม่หลังเกิดกรณี Lost in Russia ที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลในวงกว้างขึ้น โดยนับจากนี้ไป พวกเราทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบควบคุมระยะเวลาการฉายหนังในโรงและออนไลน์อย่างเคร่งครัด” แหล่งข่าวที่เป็นผู้บริหารสายหนังรายใหญ่ที่ได้รับการหนุนหนังจากทางการกล่าว

 

ขณะที่ผู้บริหารอาวุโสของ iQiyi แพลตฟอร์มสตรีมมิงชั้นนำ ก็เผยกับรอยเตอร์สว่าทางบริษัทจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางการ เพราะเป้าหมายของพวกเขาก็เหมือนกัน นั่นคือ ทำให้คนได้ดูหนังดี ๆ

 

ทั้งนี้ จีนถือเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา มีโรงหนังเปิดให้บริการอยู่กว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ และได้รับผลกระทบอย่างหนังจากการปิดโรงหนังมาเป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว