ผึ้ง : สิ่งมีชีวิตสำคัญที่สุดบนโลก

ผึ้ง : สิ่งมีชีวิตสำคัญที่สุดบนโลก

หากมนุษย์ยังทำลายสิ่งแวดล้อมต่อไปเรื่อยๆ ไม่เกิน 30 ปี ผึ้งจะสูญพันธุ์ไปจากโลก และเมื่อผึ้งสูญพันธุ์อะไรจะเกิดขึ้น

 

 “หากผึ้งสูญพันธุ์ไปจากโลก เพียงแค่ 4 ปี มนุษย์ก็สูญพันธุ์ตามไปด้วย” อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

อัจฉริยะท่านนี้ เคยส่งคำเตือนมาร่วมศตวรรษแล้ว แต่ดูเหมือนคำเตือนนี้ล่องลอยไปกับสายลม

เราทราบกันดีว่า ผึ้งแม้ตัวเล็ก แต่ต่อยเจ็บ แต่มนุษย์จะเจ็บปวดมาก หากโลกนี้ปราศจากผึ้ง

“เอาผึ้งออกไปจากโลก พืชอย่างน้อยแสนชนิดจะไม่เหลืออยู่ในโลกนี้” จากหนังสือ Canadian Bee Journal พิมพ์เผยแพร่เมื่อ ปีค.ศ. 1941

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สถาบัน Earthwatch ได้รายงานในที่ประชุม Royal Geographical Society of London ว่า ผึ้งเป็นสิ่งมีชีวิตสำคัญที่สุดบนโลกสีน้ำเงินใบนี้ แต่ผึ้งกำลังอยู่ในภาวะถูกคุกคามขนาดหนัก เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

การวิจัยหลายชิ้นรายงานตรงกัน หลายๆ ประเทศ เช่น จีน บราซิล สหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบยุโรปบางประเทศ ได้รายงานตัวเลขเกี่ยวกับจำนวนประชากรผึ้งที่ลดลงอย่างน่าใจหายว่า ปัจจุบันผึ้งได้หายไปจากโลกนี้ถึงร้อยละ 90 อย่างน่าวิตก

บางครั้งก็เป็นโรคตายกันยกรัง ผึ้งที่เลี้ยงอยู่ในสหรัฐกว่าครึ่งหายสาบสูญไปจากรัง จนนางพญาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้เพราะไม่มีอาหาร ในยุโรป ร้อยละ 84 ของพืชผลทางการเกษตรทั้งหมดถูกผสมเกสรโดยแมลงชนิดต่างๆ แต่ส่วนใหญ่คือ ผึ้ง

ผึ้งมีคุณสมบัติอันโดดเด่นกว่าแมลงชนิดอื่น ตรงที่ว่าสามารถบินได้ไกลๆ ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างไกลกว่า เพื่อผสมเกสรดอกไม้นานาชนิด

ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ผึ้งตายยกรังเป็นวงกว้าง ที่เรียกว่า “อาการรังผึ้งล่มสลาย” (colony collapse disorder) ทำให้ผึ้งทั้งรังหายไปอย่างฉับพลัน

ด้วยสาเหตุหลายประการ ตามสภาพแวดล้อมทั่วโลกอันแตกต่างกัน แต่มีสาเหตุคล้ายกันคือการทำลายระบบนิเวศ หลายประการ อาทิ การทำลายป่า การสูญเสียพื้นที่สร้างรังผึ้ง การหายไปของดอกไม้ การทำลายพื้นดินและการใช้ยาฆ่าแมลง ยากำจัดศัตรูพืช

 นักวิจัยพบว่า ผึ้งเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในโลกที่ เป็นพาหะที่ไม่ได้นำเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส ไปสู่สิ่งมีชิวิตอื่น ๆ

ในบรรดาพืชอาหาร 100 ชนิดที่เป็นอาหารเลี้ยงประชากรมนุษย์ทั้งโลก มี 70 ชนิด ที่ต้องการผึ้งเป็นตัวผสมละอองเกสรให้

นั่นหมายความว่า ร้อยละ 70 ของผลิตผลด้านการเกษตรทั้งโลก พึ่งพาผึ้งตัวน้อยนี้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการถ่ายละอองเรณูของดอกไม้ จนเกิดการผสมพันธุ์ของเกสรดอกไม้

หากผึ้งสูญพันธุ์ ไม่ใช่แค่ดอกไม้ตามธรรมชาติจะสูญพันธุ์ตามผึ้งไป แต่รวมถึงผักและพืชผลของมนุษย์อีกด้วยนั้นหมายความว่า ร้อยละ 70 ของพืชผลที่มนุษย์ทั่วโลกกิน อยู่ในชะตากรรมของผึ้ง

หากปราศจากผึ้ง การผสมเกสรคงไม่เกิดขึ้น นั้นหมายถึงหายนะของพืชพันธุ์ทั่วโลก ไม่รวมถึงน้ำผึ้ง รังผึ้ง ขี้ผึ้ง ที่เราใช้ประโยชน์จากพวกเค้ามากมาย

นอกจากนั้น มีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง The Federal Institute of Technology of Switzerland พบว่า สาเหตุอีกประการที่ผึ้งหายไป มาจากการใช้โทรศัพท์มือถือหลายพันล้านเครื่องทั่วโลก ที่ส่งคลื่นรบกวนการเดินทางของผึ้ง ทำให้พวกเค้าสูญเสียการบินที่ถูกทิศทาง ในการกลับรังตัวเอง

แต่สาเหตุสำคัญที่สุด ร้อยละ 34 ของผึ้งหายไปมาจากสาเหตุเหล่านี้ คือ ในรอบสามสี่ปีที่ผ่านมา มีการใช้สารเคมีกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลิตผลทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ปุ๋ยเคมี รวมถึงการเผาซากพืชไร่ เกิดการรมควันในทุก ๆด้าน จนผึ้งไม่อาจอยู่รอดได้

ยกตัวอย่างเช่น ยากำจัดศัตรูพืช neonicotinoid เป็นยายอดนิยมของเกษตรกร มีคุณสมบัติในการทำลายระบบประสาทของแมลง ทำงานโดยการโจมตีระบบประสาทของแมลง ใช้แพร่หลายมาก ในพืชดอก ข้าวสาลี ไร่องุ่น ฯลฯ ซึ่งนำไปสู่การลดลงของประชากรผึ้งอย่างรวดเร็ว

 มีการคาดกันว่า หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ อีกไม่เกิน สามสิบปี ผึ้งจะสูญพันธุ์ไปจากโลก

หากมนุษย์ไม่สูญพันธุ์ตามไปก่อน มนุษย์อาจจะต้องหาวิธีผสมพันธุ์เกสรด้วยวิธีอื่น ซึ่งนั่นหมายถึงต้นทุกพืชผักผลไม้ต้องแพงขึ้นมหาศาล

ทางออกของการไม่ให้ผึ้งสูญพันธุ์ ดูเหมือนจะมีวิธีเดียวอันได้ผลมากที่สุด แต่ ยากมากที่สุด คือยกเลิกการใช้ยาฆ่าแมลง สารเคมีนานาชนิด และส่งเสริมเกษตรอินทรีย์อย่างรวดเร็ว

มีสโลแกนการรณรงค์เรื่องผึ้งชัดเจนที่สุดคือ  Pesticide = Suicide หรือ ยาฆ่าแมลง = ฆ่าตัวตาย

ไม่ใช่ผึ้งเท่านั้นที่จะตาย แต่มนุษย์ก็จะตายตามไปด้วย