IGNITE ปั้นอาร์ตทอย 'ซอฟต์พาวเวอร์ไทย' เร่งสร้าง IP เสริมพอร์ตลิขสิทธิ์ เจาะตลาดไทย-จีน

มนต์ขลัง อาร์ตทอย ที่ไม่ใช่แค่ของเล่นทั่วไปแต่เป็นผลงานศิลปะขนาดเล็กที่สร้างสรรค์โดยนักออกแบบ (Designer Toys) หรือศิลปินอิสระ (Artist Toys) มีเอกลักษณ์และความเฉพาะตัว เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์...ดึงดูดใจ ทำให้ผู้คนรู้สึกผูกพันและอยากเก็บไว้ ไม่ต่างจากบรรดาสินค้าคอลเลกชัน คาแรกเตอร์ สินค้าลิขสิทธิ์ต่างๆ ที่หล่อเลี้ยงกระแสความนิยมมาอย่างต่อเนื่องด้วยความหลงใหล และเฟ้นหาไว้ในครอบครอง

นั่นหมายถึง “โอกาสธุรกิจ” ที่ บริษัท พีเคเอ็น อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PKN บิ๊กคอร์ปไทย เจ้าของแบรนด์ IGNITE ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าเพื่อการสะสม สินค้าลิมิเต็ด สินค้าพรีเมียม และสินค้าลิขสิทธิ์ มองเห็นน่านน้ำใหม่ และเป็นขุมทรัพย์ใหญ่แห่งอนาคต! ของ PKN ที่วางโรดแมปก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมครีเอทีฟ ด้วยยุทธศาสตร์การสร้าง IP (Intellectual Property) ไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันผลงานการออกแบบของศิลปินชาวไทยให้เป็น “Soft Power” สัญชาติไทย ที่ทรงพลังบนเวทีนานาชาติ

เกตุญาณินท์ จีรพัฒน์ชนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานขายและการตลาดบริษัท พีเคเอ็น อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PKN) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ IGNITE กล่าวว่า ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดศักยภาพของอาร์ตทอยและสินค้าคอลเลกชันที่มีการขยายตัวสูงต่อเนื่อง โดย PKN วางนโยบายและทิศทางธุรกิจ 3-5 ปีข้างหน้า มุ่ง 2 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 

1.) การสร้าง "IP ไทย" ของตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม: บริษัทฯ เตรียมพัฒนาและขยายคาแรกเตอร์ “เจ้าโชค” พร้อมด้วย IP ใหม่เพื่อแข่งขันในตลาดอาเซียน โฟกัสการสร้าง “เรื่องราว-เอกลักษณ์-ความผูกพัน” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตลาดอาร์ตทอยและการสะสม ที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่าวัฒนธรรมและอารมณ์ของผู้บริโภค

2.) การขยายพอร์ตลิขสิทธิ์ในระดับอาเซียน ปักหมุด "จีน" และ "ไทย": เป็นตลาดยุทธศาสตร์หลักด้วยความพร้อมทั้งด้านศิลปินไทย เครือข่าย ดีไซน์ และช่องทางจัดจำหน่ายในเอเชีย โดยประเทศจีนถูกกำหนดเป็น "ตลาดเปิดตัวอันดับแรก" ในธุรกิจอาร์ตทอย "PKN มั่นใจว่า การรุกตลาดผ่านลิขสิทธิ์ใหม่ๆ และความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในจีนและไทย จะเร่งการเติบโตเชิงพอร์ตสินค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ"

"โมเดลธุรกิจครบวงจร" เหนือคู่แข่ง 

สำหรับ PKN ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าเพื่อการสะสม สินค้าลิมิเต็ด สินค้าพรีเมียม และสินค้าลิขสิทธิ์มานานกว่า 8 ปี และมี License Portfolio จากตัวการ์ตูนและคาแรกเตอร์ของภาพยนตร์หรือแอนิเมชันที่เป็นที่นิยมมากกว่า 100 คาแรกเตอร์ จากผู้ให้ลิขสิทธิ์ชั้นนำจากทั้งฝั่งสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Mickey Mouse, Toy Story, Marvel, One Piece, Gundam, Demon Slayer, Doraemon, Crayon Shinchan, Sanrio หมาจ๋าและอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น รวมถึงบริษัทอยู่ระหว่างการขยาย License Portfolio อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลิขสิทธิ์จากศิลปิน (Creator) ชาวไทย เพื่อผลักดันผลงานการออกแบบของศิลปินชาวไทยให้กลายเป็น Soft Power ที่สำคัญ โดยบริษัทฯ ถือเป็น“One-Stop Service License Solution” ให้แก่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ (B2B) ในหลากหลายอุตสาหกรรม

PKN ยังเป็นเจ้าของแบรนด์ "IGNITE" ซึ่งผลิตและจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ให้กับลูกค้ารายย่อย (B2C) ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ร่วมกับดีไซน์ที่ทันสมัย และการเลือกคาแรกเตอร์ที่เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องเหมาะแก่การสะสม ปัจจุบัน จําหน่ายผลิตภัณฑ์ในหลากหลายช่องทางทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าลิขสิทธิ์ ช่องทางออนไลน์ เช่น IGNITE, Shopee, Lazada, TikTok, Line OA และ ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine)

เกตุญาณินท์ กล่าวว่า เวลานี้ “ศิลปินไทย”ในวงการอาร์ตทอยเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นจากงานแฟร์ระดับนานาชาติ ทั้งในมุมของลายเส้นในการวาดภาพที่มีความเป็นสากลแต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยเอาไว้ หรือแม้กระทั่งการยอมรับในแง่มุมของวัฒนธรรมที่สื่อออกมาในผลงาน งานอาร์ตและสินค้าต่างๆ สะท้อนโอกาสในการผลักดัน “Soft Power ไทย” อย่างเป็นรูปธรรม

โดยจากนี้ PKN จะเป็นหนึ่งผู้เล่นรายสำคัญในอุตสาหกรรมครีเอทีฟ ด้วยยุทธศาสตร์การสร้าง "IP ไทย” หรือการสร้าง “คาแรกเตอร์ไทย" สร้างผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ด้วยศิลปินชาวไทยที่เต็มเปี่ยมด้วยศักยภาพก้าวสู่ "Soft power" พร้อมขยายพอร์ตลิขสิทธิ์ ต่อยอด ในอาเซียนและเอเชีย โดยผลักดันแบรนด์เรือธง “IGNITE” หนึ่งในผู้นำด้านสินค้าไลฟ์สไตล์มุมมองใหม่ๆ ให้เหมาะทั้งให้ซื้อไปใช้และยังสามารถเอาไปสะสมเป็นคอลเลกชันต่างๆ และคาแรกเตอร์ในไทยและตลาดใกล้เคียง

"การเปิดตัวคาแรกเตอร์ เจ้าโชค (Chao Chok) แมวไทยสายพันธุ์ผสมวิเชียรมาศและขาวมณี ที่ออกมาภายใต้ความน่ารัก น่าสะสม และนำความโชคดีมาให้คนที่ได้เป็นเจ้าของเวลาเดียวกัน คาแรกเตอร์เจ้าโชคภายใต้ IGNITE WORLD ถือเป็นก้าวแรกของการสร้าง IP ไทย ที่มีศักยภาพขยายสู่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะจีน ซึ่งมีตลาดนักสะสมขนาดใหญ่และนิยมคาแรกเตอร์เอเชียเป็นทุนเดิม!" 

ทั้งนี้ แมวไทยยังได้รับการยกย่องให้เป็น "ทูตวัฒนธรรม" หลังมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้แมวไทย เป็น “เอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์เลี้ยง” เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

"B2B" รากฐานที่แข็งแกร่งค้ำจุนความมั่นคง

นอกเหนือจากการเติบโตในตลาดผู้บริโภค (B2C) แล้ว ธุรกิจ “B2B” ของ PKN ยังคงเป็นรากฐานสำคัญ ที่ช่วยเสริมความมั่นคงของบริษัทมายาวนาน ภายใต้บริการแบบครบวงจรในหลายกลุ่ม ประกอบด้วย "License Product for B2B" โซลูชันลิขสิทธิ์ครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาลิขสิทธิ์ ออกแบบ ผลิต ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า "Premium Product" สินค้าพรีเมียมสำหรับแคมเปญการตลาดที่องค์กรต่างๆ ไว้วางใจ "Supply Chain Service" ครอบคลุมการจัดหา บรรจุภัณฑ์ คลังสินค้า และการขนส่ง

โดยบริการเหล่านี้ ช่วยให้บริษัทฯ สามารถทำงานกับลูกค้ารายใหญ่ในไทย เช่น ผู้ค้าปลีก โรงภาพยนตร์ กลุ่มธนาคาร สินค้าอุปโภคและบริโภค และแบรนด์ระดับประเทศ เป็นกลไกสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ ยังช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของสินค้าของพาร์ตเนอร์ คู่ค้าต่างๆ ทำให้คู่ค้ากลุ่มธุรกิจ ยังสนใจและทำงานกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเสริมภาพลักษณ์ความเชี่ยวชาญด้าน “สินค้าไลฟ์สไตล์ + ของสะสม” ของ PKN ในระดับองค์กร

"3 จุดแข็ง" สู้ศึกตลาดภูมิภาค

อย่างไรก็ดี การขับเคลื่อนการแข่งขัน “PKN” มีจุดแข็ง 3 ด้านเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดอาร์ตทอยและสินค้าคอลเลกชัน ได้แก่

1.) โมเดลธุรกิจครบวงจร (End-to-End Creative & Collectible Business) ครอบคลุมตั้งแต่ออกแบบคาแรกเตอร์ ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการตลาดและการจัดจำหน่ายทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งคิดจะต่อกรได้ยาก!

2.) ความสามารถด้านดีไซน์และนักสร้างสรรค์ไทย จะเห็นว่า ไทยมีจุดแข็งด้านดีไซน์ วัฒนธรรม และศิลปะร่วมสมัยที่แตกต่าง ทำให้คาแรกเตอร์ไทย มีโอกาสทะลุเข้าสู่ตลาดเอเชียได้สูง รวมถึงการใช้เทคโนโลยี 3D printing ในการพัฒนาสินค้ารวมถึงการเฟ้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ มาเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบสนองกับตลาดได้ตลอดเวลา และ

3.)พันธมิตรระดับอาเซียน ซึ่งบริษัทฯ มุ่งสร้างเครือข่ายพันธมิตร ทั้งในด้านลิขสิทธิ์การผลิต ช่องทางการจัดจำหน่ายและการให้บริการในด้านต่างๆ ต่อยอดการเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกันในภูมิภาค เพื่อให้เข้าถึงทั้งตลาด "นักสะสม" "ผู้ค้าปลีก" "ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย" ในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดศักยภาพสูงของอาร์ตทอย

ปั้น "IGNITE" ชิงผู้นำตลาดอาร์ตทอย

โปรดักต์แชมป์เปี้ยนแบรนด์ "IGNITE" หัวหอกในการขยายตลาดอาร์ตทอย จะมีการสร้างคอลเลกชันใหม่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความตื่นตัวของตลาด มีการทำงานร่วมกับศิลปินหลายระดับ ตั้งแต่นักสร้างสรรค์หน้าใหม่จนถึงศิลปินดัง ขยายช่องทางในจีนอย่างเป็นทางการ ผ่านงานแฟร์และกิจกรรม Business Matching รุกตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผ่าน Pop-up Store, Collaboration Café และโมเดิร์นเทรด

"ในระยะสั้น-กลาง IGNITE ตั้งเป้าขึ้นเป็นหนึ่งในแบรนด์อาร์ตทอยไทยที่มีฐานตลาดในอาเซียนแข็งแรงที่สุด ส่วนระยะยาวจะผลักดันคาแรกเตอร์ไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก โดยอาศัยดีไซน์ร่วมสมัยและเสน่ห์เฉพาะตัวของนักสร้างสรรค์ไทย ที่เริ่มได้รับความสนใจจากนักสะสมต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ"

อาณาจักรคาแรกเตอร์ไทยเปิดประตูสู่อาเซียน

PKN กำลังใช้โครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและประสบการณ์ด้านลิขสิทธิ์ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเปรียบเสมือนฐานทัพที่มั่นคง! เป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดศึกตลาดอาร์ตทอยในเอเชีย โดยมีอาวุธสำคัญคือ "IP ไทย" ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินไทย ซึ่งมีความสดใหม่ มีศักยภาพทางวัฒนธรรมในการแข่งขันในระดับภูมิภาค

"จุดแข็งด้านดีไซน์ โครงสร้างธุรกิจครบวงจร และความสามารถในการทำงานร่วมกับทั้ง B2B และ B2C ทำให้ PKN อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการขยายอิทธิพลของคาแรกเตอร์ไทยไปสู่ภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีความต้องการสูงสำหรับอาร์ตทอยและของสะสมที่มีเอกลักษณ์"

ทั้งหมดนี้ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ PKN เดินหน้าสู่เป้าหมาย "ผู้นำอาร์ตทอยไทย-อาเซียน" สร้าง "Soft Power ไทย" ให้เกิดได้จริงในเชิงพาณิชย์ ก่อเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล