ถอดรหัส 'ลอรีอัล กรุ๊ป' เสริมแกร่งธุรกิจความงามด้วย 'BEAUTY TECH'

ถอดรหัส ‘ลอรีอัล กรุ๊ป’ เสริมแกร่งธุรกิจความงามด้วย ‘BEAUTY TECH’ ด้านวิทยาศาสตร์ความงามและบิวตี้เทค เพื่อสานภารกิจการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก
"ลอรีอัล กรุ๊ป" ยักษ์ใหญ่ความงามของโลก ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยืนหนึ่งในตลาดยาวนานกว่า "ร้อยปี" ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงามเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกมิติทั้งดูแลผิวพรรณ ดูแลเส้นผม เครื่องสำอางสีสัน และสีผม ผ่านเกือบ 40 แบรนด์ในเครือ
ขณะที่ ลอรีอัล ประเทศไทย ดูแลแบรนด์ความงาม 16 แบรนด์ ที่พร้อมเนรมิตความงามให้กับผู้บริโภคชาวไทย ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภค ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ และผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ภายใต้แบรนด์ เช่น ลอรีอัล ปารีส, เมย์เบลลีน นิวยอร์ก, การ์นิเย่, ลังโคม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้, คีลส์, เซราวี, ลาโรช โพเซย์ ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส เป็นต้น
ในฐานะ "ผู้นำ" ด้านวิทยาศาสตร์ความงามและบิวตี้เทค เพื่อสานภารกิจการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก "ลอรีอัล กรุ๊ป" ได้ตอกย้ำจุดแข็ง "BEAUTY BORN FROM SCIENCE, DRIVEN BY TECH" หรือความงามที่ถือกำเนิดขึ้นจากวิทยาศาสตร์ในการปฏิวัติความงามให้กับผู้คน และปัจจุบันที่เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทรงพลัง มีบทบาทมากขึ้น กลายเป็นช่วย “ติดอาวุธ” ให้แบรนด์ทำตลาดอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
กรุงเทพธุรกิจ ชวนสำรวจ นวัตกรรมจาก "ลอรีอัล กรุ๊ป" ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผ่านงานใหญ่แห่งปี "INNOFEST"
ย้อนเวลาหาอดีต
หากกล่าวถึง "สิทธิบัตรแรก" ของ ลอรีอัล กรุ๊ป ถือกำเนิดในปี 1908 หรือ 117 ปีมาแล้ว เมื่อบริษัทคิดค้นนวัตกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ที่ปลอดภัยและสีสวยงาม โดย "เออแฌน ชูแลร์" นักวิทยาศาสตร์เคมี และยังเป็น "ผู้ก่อตั้งบริษัท" และถือเป็น "ก้าวแรก" ของการสร้างความงามขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ หรือ BEAUTY BORN FROM SCIENCE
ทว่า การพัฒนาของบริษัทไม่เคยหยุดนิ่ง แม้จะใช้เวลานาน เพื่อวิจัยและพัฒนา แต่ผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นและพยายามงดงามเสมอ เพราะสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ความงามคุณภาพตอบโจทย์ผู้บริโภค เช่น ปี 1935 ริเริ่มน้ำมันกันแดดที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสียูวี ปี 1979 สร้างแบบจำลองเนื้อเยื่อผิวหนัง (reconstructed epidermal model) ในชื่อ EpiSkin เพื่อทดสอบความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ และการระคายเคือง และเป็นจุดเริ่มของการทดสอบสินค้าความงามโดยปราศจากสัตว์
ปี 2006 การคิดค้น "โปร-ไซเลน" ส่วนผสมในเครื่องสำอางที่ช่วยบำรุงผิว ต่อต้านริ้วรอย ที่ยังทรงพลังในปัจจุบัน โดนเด่นด้วยการเป็นโมเลกุลชะลอวัยที่สกัดจากธรรมชาติ ด้วยแนวทาง "Green Science" หรือวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม ปี 2022 การสร้างสรรค์สารกันแดด "เม็กโซริล" จนปฏิวัติวงการรอบ 30 ปี ด้วยประสิทธิภาพในการปกป้องผิวครอบคลุม ถึงรังสี Ultra-Long UVA ทีมีความยาวคลื่น 380-400 นาโนเมตร และล่าสุด ปี 2024 เมลาซิล โมเลกุลที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสำหรับปัญหาเม็ดสีผิวเฉพาะจุดด้วยกลไกใหม่ที่ไม่ยับยั้งกระบวนทำงานในการสร้างเม็ดสีผิวตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลงานจากการวิจัยอย่างยาวนานถึง 18 ปี และเป็นนวัตกรรมที่ได้รับสิทธิบัตร
ถอดรหัสความงามคู่ Longivity
หนึ่งในเทรนด์ใหญ่ของโลก (Mega trend) ยุคปัจจุบันคือการดูแลสุขภาพเพื่อชีวิตที่ยืนยาวหรือ Longivity และลอรีอัล ยังยึดดีเอ็นเอในการผสานวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี AI ตอบโจทย์ความงามโดยเฉพาะการดูแล "ผิวพรรณ"
ทั้งนี้ ลอรีอัล กรุ๊ป ได้ดำเนินการวิจัยด้าน Longevity เพื่อเข้าใจผิวอย่างซึ้งถึงเหตุแห่งความร่วงโรยของผิว และพบ "9- ปัจจัยบ่งชี้ความร่วงโรย" (9 Hallmarks of Skin Aging) ที่ตลอด 15 ปี มีผลงานวิจัย 43 ฉบับ และต่อยอดสู่ "วงล้อแห่งการชะลอวัยเพื่อความงามของลอรีอัล" (Wheel of Longevity for Beauty)
แพลตฟอร์ม "ลองเจวิตี้ เอไอ คลาวด์" (Longevity AI Cloud™) เป็นกรรมสิทธิ์ของลอรีอัลที่ช่วย "ถอดรหัส" ความร่วงโรยของผิวในระดับเซลล์ โมเลกุล และเนื้อเยื่อ ยังพบ 9 ลักษณะสำคัญของการเกิดริ้วรอยแห่งวัยที่สัมพันธ์กัน และด้วยพลังในการคาดการณ์ของ Longevity AI Cloud™ กลายเป็นตัวแปรที่ทำให้ลอรีอัล นำเสนอโซลูชันเพื่อให้ผู้บริโภคดูแลผิวพรรณอ่อนเยาว์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในส่วนสูตร ผลิตภัณฑ์ และการวิเคราะห์
ลอรีอัล ย้ำแกร่ง "BEAUTY TECH"
ปฏิเสธไม่ได้ว่า "เทคโนโลยี" กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังในการขับเคลื่อนธุรกิจ รวมถึง “ความงาม” และ "ลอรีอัล กรุ๊ป" ให้ความสำคัญในการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับผลิตภัณฑ์ความงามอย่างลงตัว
ไฮไลต์ BEAUTY TECH ของลอรีอัล กรุ๊ป ที่นำมาจัดแสดงมากมาย ตัวอย่าง “ลังโคม เรเนอร์จี นาโน-รีเซอร์เฟซเซอร์ 400 บูสเตอร์” ซึ่งตอบโจทย์คนรักสวยงามได้ที่บ้าน เพราะเป็นอุปกรณ์ดูแลผิวยุคใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวหน้าระดับมืออาชีพอย่างไมโครนีดลิง(micro-needling) ถูกออกแบบเพื่อเพิ่มการซึมซาบของสกินแคร์อย่างอ่อนโยน สามารถดูแลผิวถึงสามมิติ ได้แก่ ริ้วรอย จุดด่างดำ และความเรียบเนียน
"บิวตี้ จีเนียส ลอรีอัล ปารีส" ผู้ช่วยความงามส่วนบุคคล "รายแรก" ที่ขับเคลื่อนด้วย Agentic AI พร้อมให้บริการออนไลน์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ที่มีบริการเด่น ทั้งการสแกนภาพเซลฟี เพื่อวิเคราะห์สภาพผิวและเส้นผมเฉพาะบุคคล ระบบแนะนำเฉพาะบุคคล ที่ได้รับการฝึกฝนจากการให้คำปรึกษาด้านความงามจริง "หลายพันครั้ง" และแผนที่ผิว (Skin Atlas) พร้อมคำอธิบายประกอบจากแพทย์ผิวหนัง 150,000 รายการ ฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ลอรีอัล ปารีส ที่คัดสรรมาแล้วกว่า 750 รายการ พร้อมทั้งทดลองผลิตภัณฑ์ผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR : Augmented Reality) ให้ความรู้สึกเหมือนใช้ผลิตภัณฑ์จริง
ปัจจุบัน ลอรีอัล ปารีส นำบิวตี้ จีเนียส ให้บริการบนเว็บไซต์ คลิกที่นี่ จะขยายไปสู่แพลตฟอร์ม WhatsApp และเปิดตัวในประเทศอื่นๆในปี 2569 เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่
ปัญหาสิว เรื่องใหญ่ไม่ควรมองข้าม "ลาโรช-โพเซย์" (La Roche-Posay)จึงต้องแก้ Pain Point ให้ผู้บริโภค ด้วยการพัฒนา "สปอตสแกน+โค้ช" (Spotscan+ Coach) ที่ต่อยอดจาก Spotscan แอปพลิเคชันแนะแนวเรื่องสิว "แอปแรก" ที่จะวิเคราะห์ผิวด้วย "เอไอขั้นสูง" มาพร้อมกิจกรรมการชาเลนจ์การดูแลสุขภาพผิวให้ดีขึ้นใน 3 เดือน เช่น แนะนำและเคล็ดลับประจำวันจากผู้เชี่ยวชาญ คลังความรู้กว่า 500 รายการจากแพทย์ผิวหนัง
ที่สำคัญ ลา โรช-โพเซย์ ยังผนึก "คาล์ม" (Calm) แอปสุขภาพจิตชั้นนำของโลก เพื่อดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งผู้ใช้แอปจะได้ฝึก ใช้เครื่องมือที่ช่วยลดความเครียดและส่งเสริมสุขภาวะแบบองค์รวม โดยเบื้องต้น ให้บริการในสหราชอาณาจักร และเตรียมขยายบริการไปยังตลาดอื่นๆ ในปี 2569
อีกตัวอย่างคือ เค-สแกน เคเรสตาส (K-SCAN) กล้องถ่ายภาพเส้นผมและหนังศีรษะอัจฉริยะขับเคลื่อนด้วยเอไอ จะสแกนวินิจฉัย และติดตามสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวจะมาเป็นผู้ช่วย "ช่างผมมืออาชีพ" ในการวิเคราะห์หนังศรีษะและเส้นผมให้ลูกค้า นำไปสู่การส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยปัจจุบัน K-Scan มีบริการในประเทศไทยแล้วที่ร้านซาลอนชั้นนำของเคเรสตาส
เคลื่อนความสวยคู่ความยั่งยืน
ภารกิจสำคัญที่ "ลอรีอัล กรุ๊ป" ขับเคลื่อนเชิงรุก คือการสร้างความยั่งยืน โดยปัจจุบันมีหลายผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผู้บริโภคสวยได้แถมรักษ์โลกด้วย
ตัวอย่าง แอร์ไลท์ โปร (AirLight Pro) ภายใต้กลุ่ม ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนลเครื่องเป่าผมแสงอินฟาเรดที่ออกสู่ตลาดปี 2567 ได้ปฏิวัติวงการด้วยความเร็วแสงด้วยความร่วมมือกับซูวี (Zuvi) ยิ่งกว่านั้นเมื่อใช้งานจะดีต่อ "เส้นผม" และ "สิ่งแวดล้อม"
ยังมี คัลเลอร์โซนิก ลอรีอัล ปารีส ซึ่งเปรียบเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อการเปลี่ยนสีผมคุณภาพระดับซาลอนด้วยตัวเองที่บ้าน จุดเด่นคือ ตัวเครื่องทำจากพลาสติกที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลหรือ PCR มาพร้อมกับถุงมือที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และตลับสีผมที่รีไซเคิลได้ โดยมีที่ให้เลือกกว่า 40 เฉด นอกจากนี้ ยังมีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีกระบวนการล้ำยุคในการผสมสีของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมและลงสีได้สม่ำเสมอ โดยไม่เลอะเทอะเประเปื้อน โดยทุกกลยุทธ์ ย้ำภาพ "ลอรีอัล กรุ๊ป" คือผู้นำธุรกิจความงามด้วย "BEAUTY TECH" อย่างแท้จริง







