ASEAN Law Forum 2025 ยกระดับกฎหมายอาเซียน สู่ความร่วมมือเข้มแข็ง

ASEAN Law Forum 2025 เวทีสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของชาติสมาชิกอาเซียนในการแก้ไขความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประโยชน์ในระดับประเทศและภูมิภาค
19-21 สิงหาคม 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบหมาย นายสุริยพงศ์ ทับทิมแท้ ผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้ประสานงานหลักที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมาย (ASEAN Law Ministers' Meeting: ALAWMM) ประเทศไทย นำคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุม ASEAN Law Forum 2025 โดยมี ผู้แทนกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม สถาบันอนุญาโตตุลาการ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ร่วมคณะ
โดยการประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญเข้าร่วมในพิธีเปิด ได้แก่ ดาโตะ ซรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธาน ดาโตะ ซรี อาซาลีนา อซมัน ไซด์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (กำกับดูแลด้านกฎหมายและการปฏิรูปสถาบัน) ดร.เกา กิม ฮวน เลขาธิการอาเซียน รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและกฎหมายจากประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งได้ร่วมกันรับรองแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาอนุญาโตตุลาการและการไกล่เกลี่ยทางการค้าระหว่างประเทศ (Joint Statement by ASEAN Law Ministers on International Commercial Arbitration and Mediation Development
ทั้งนี้โอกาสในการประชุม ASEAN Law Forum 2025 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ Enhancing Access to Justice in the ASEAN Community: Bridging Legal Cooperation for Inclusive Growth in the Digital Age "การเสริมสร้างการเข้าถึงความยุติธรรมในประชาคมอาเซียน: การเชื่อมโยงความร่วมมือทางกฎหมายเพื่อการเติบโตอย่างครอบคลุมในยุคดิจิทัล" โดยมีประเด็นสำคัญในการนำเสนอและแลกเปลี่ยน ได้แก่ อนุญาโตตุลาการ การไกล่เกลี่ย ความปลอดภัยออนไลน์ การล้มละลายข้ามพรมแดน อาชญากรรมทางไซเบอร์ การปฏิรูปกฎหมายอาญาและแพ่งและพาณิชย์ ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน และการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในกระบวนการยุติธรรมอย่างมีความรับผิดชอบ การประชุม ASEAN Law Forum 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของชาติสมาชิกอาเซียนในการแก้ไขความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประโยชน์ที่จับต้องได้ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างสภาพแวดล้อมในการระงับข้อพิพาทที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในภูมิภาค อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในความมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานและความร่วมมือทางกฎหมายภายในอาเซียน เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับหลักนิติธรรม ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และความเป็นเอกภาพในภูมิภาค และนำไปสู่การขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายที่มีวิสัยทัศน์และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศทางกฎหมายของอาเซียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น







