กรมการจัดหางาน ขับเคลื่อนระบบ MOU รับแรงงานต่างชาติ

กรมการจัดหางาน ขับเคลื่อนระบบ MOU รับแรงงานต่างชาติเข้ามาประกอบอาชีพในไทย เสริมกำลังผลิต–สร้างสมดุลตลาดแรงงานไทย
ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความต้องการ แรงงานต่างชาติ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ก่อสร้างและการบริการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาคส่วนที่มีแรงงานไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะเดียวกันประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ และดึงดูดสำหรับแรงงานจากประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เนื่องด้วยประเทศไทยมีสภาพเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ค่าตอบแทนที่สูง มีสภาพสังคมและวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน
ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงมีการนำเข้า แรงงานต่างด้าว ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงานระหว่างรัฐ (Memorandum of Understanding) หรือ MOU ร่วมกับประเทศที่ต้องการส่งแรงงานเข้ามาประกอบอาชีพในไทย เพื่อให้มีการนำเข้าแรงงานอย่างถูกกฎหมาย สามารถบริหารจัดการแรงงานได้อย่างเป็นระบบ ขณะที่ยังช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศไทย ผ่านการส่งเสริมและผลักดันให้มีการนำเข้าแรงงานต่างชาติอย่างถูกกฎหมายและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันยังเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศกับชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เผยไทยต่ออายุ MOU แรงงานกัมพูชา-เมียนมา พร้อมขยายสู่ชาติอื่น
นายจำนงค์ ทรงเคารพ ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางาน อธิบายถึงการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามระบบ MOU ว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้ทำบันทึกความเข้าใจในการจ้างแรงงานระหว่างรัฐร่วมกับ 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยในการทำบันทึกความเข้าใจร่วมกับแต่ละประเทศจะมีลักษณะและรายละเอียดที่คล้ายคลึงกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีอายุของความตกลงประมาณ 5 ปี หากไม่มีการแก้ไขหรือปรับปรุงรายละเอียดใดเพิ่มเติม ก็จะถือให้ความตกลงเดิมยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป จนกว่าจะมีการดำเนินการปรับปรุงอย่างเป็นทางการ โดยประเทศไทยได้ดำเนินการต่ออายุ MOU กับประเทศกัมพูชาและเมียนมาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เวียดนามและลาวอยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินการต่ออายุ รวมถึงรัฐบาลยังมีแผนขยายความร่วมมือด้านแรงงานร่วมกับชาติอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคตเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางาน ยังเผยด้วยว่า จากสถิติคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานอย่างถูกกฎหมายในไทยล่าสุด ณ เดือนมิถุนายน 2568 มีจำนวน แรงงานต่างชาติ ราว 4.06 ล้านคน เป็นแรงงานที่ถูกจ้างงานตาม MOU ทั้งหมด 692,312 คน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานสัญชาติลาว 257,528 คน เมียนมา 251,821 คน และกัมพูชา 182,963 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ภาคบริการ รวมถึงกิจการต่อเนื่องการเกษตร เช่น การแปรรูปพืชผลทางการเกษตร
เปิดกระบวนการนำเข้าแรงงานต่างชาติตาม MOU
สำหรับนายจ้างและสถานประกอบการที่ต้องการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU สามารถดำเนินการได้ 2 วิธี ได้แก่ นายจ้างดำเนินการนำคนต่างด้าวมาทำงานด้วยตนเอง และนายจ้างนำคนต่างด้าวมาทำงานโดยผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตาม MOU ดังกล่าวสามารถทำได้ตลอด ทั้งนี้ แรงงานต่างด้าวจะได้รับการอนุญาตให้อยู่และทำงานในประเทศไทยได้ครั้งละ 2 ปี และสามารถต่ออายุได้อีก 2 ปี รวมแล้วต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลา 4 ปี
ขั้นตอนการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศตามระบบ MOU มีดังนี้
- นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตยื่นคำร้องขอนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ที่สถานประกอบการตั้งอยู่
- ประเทศต้นทางดำเนินการรับสมัคร คัดเลือกแรงงาน ทำสัญญา จัดทำบัญชีรายชื่อ และส่งบัญชีรายชื่อให้นายจ้างไทย
- นายจ้างยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ที่สถานประกอบการตั้งอยู่
- กรมการจัดหางานออกหนังสือการอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ
- คนต่างด้าวเข้ารับการอบรมก่อนเข้าทำงาน ณ ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง และได้รับใบอนุญาตทำงาน
- แจ้งการส่งมอบคนต่างด้าว นำส่งใบรับรองแพทย์และประกันสุขภาพ ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ตามที่สถานประกอบการตั้งอยู่
ทั้งนี้ นายจ้างต้องเตรียมเอกสารเพื่อยืนยันว่าต้องการนำเข้า แรงงานต่างด้าว จริง ประกอบด้วย
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (กรณีนิติบุคคล)
- บัตรประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- แผนที่สถานที่ทำงาน
- รูปถ่ายสถานที่ทำงานและที่พัก
- สัญญาว่าจ้างก่อสร้าง กรณีประกอบกิจการก่อสร้าง
- รายละเอียดความต้องการสวัสดิการต่าง ๆ
MOU ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือคำตอบของแรงงานถูกกฎหมาย
นายจำนงค์ เน้นย้ำว่า การนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามระบบ MOU ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าโดยตรงจากนายจ้าง หรือผ่านบริษัทจัดหางานที่จดทะเบียนกับกรมการจัดหางาน ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการแทนนายจ้างมากกว่า 200 แห่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงโดยนายหน้าเถื่อน และเพื่อให้กรมการจัดหางานสามารถตรวจสอบและกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้นายจ้างและสถานประกอบการมั่นใจได้ว่าจะได้รับแรงงานเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ข้อดีของการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามระบบ MOU คือมีสัญญาจ้างเริ่มต้น 2 ปี และสามารถต่ออายุเพื่อทำงานได้อีก 2 ปี ส่งผลให้ แรงงานต่างชาติ สามารถทำงานในไทยได้รวมสูงสุด 4 ปี เมื่อครบสัญญาจ้าง 4 ปี แรงงานต้องกลับไปยังประเทศต้นทางระยะเวลา 30 วัน จึงสามารถกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การนำเข้าแรงงานต่างด้าวผ่านระบบ MOU แม้จะเป็นทางเลือกที่มีขั้นตอนเข้มงวด แต่แรงงานจะได้รับการคุ้มครองและมีความปลอดภัย
“อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่สถานการณ์ของประเทศต้นทางไม่เอื้ออำนวยให้แรงงานที่ใบอนุญาตการทำงานหมดอายุ รวมถึงแรงงานที่มีสถานะผิดกฎหมายไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทย ทาง กรมการจัดหางาน ยังมีมาตรการช่วยอำนวยความสะดวก โดยเปิดให้มีการจดทะเบียนตามนโยบายของรัฐบาล หรือมติของคณะรัฐมนตรีในห้วงเวลาตามนโยบายของรัฐบาลกำหนด เพื่อให้แรงงานเหล่านี้สามารถประกอบอาชีพในไทยได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งแนวทางนี้ นอกจากช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่อาจกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ยังส่งเสริมความร่วมมือและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเช่นกัน” นายจำนงค์ กล่าวสรุป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ กรมการจัดหางาน







